กทม.เปิดบ้านยิ้ม 2 ให้ข้าราชการ-ลูกจ้างขอสินเชื่อซื้อ ปลูก ซ่อม หรือทำสัญญาใหม่ที่อยู่อาศัยรายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.5% ผ่อนนาน 30 ปี เป็นสวัสดิการที่อยู่อาศัยสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ-ลูกจ้าง ขณะที่ยอดยื่นใบขอสินเชื่อ 4,944 ราย วงเงินกว่า 5 พันล้านบาท ส่งให้ธนาคารตรวจสอบคุณสมบัติพร้อมประกาศอนุมัติสินเชื่อสิงหาคมนี้
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานแถลงข่าวและลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการบ้านยิ้ม 2 ระหว่าง กทม.กับ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโสกลุ่มลูกค้าบุคคล นายพงศธร คุณานุสรณ์ รองกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นางศรีประภา พริ้งพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริหารกลุ่มราชการสัมพันธ์ สายงานธุรกิจภาครัฐ บมจ.กรุงไทย และ นางจามรี เศวตจินดา รองกรรมการผู้จัดการสายงานสินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อจัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ที่มีรายได้เกิน 13,500 บาทต่อเดือน มีความต้องการซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ซ่อมบ้าน หรือทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) โดยให้วงเงินโครงการให้สินเชื่อรายละไม่เกิน 1,500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทน 2.5% ต่อปี ไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนชำระนานได้ถึง 30 ปีเช่นเดียวกันกับโครงการบ้านยิ้ม 1
ทั้งนี้ โครงการบ้านยิ้ม 2 ได้กำหนดให้ยื่นใบขอสินเชื่อ ณ หน่วยงานต้นสังกัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 22-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรวบรวมส่งสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย วันที่ 30 มิ.ย. ปรากฏว่ามีผู้ยื่นใบขอสินเชื่อจำนวน 4,944 ราย วงเงินเกือบ 5 พันล้านบาท โดยเป็นข้าราชการ กทม.จำนวน 2,055 ราย คิดเป็นร้อยละ 41.6 ข้าราชการครู กทม.จำนวน 1,613 ราย คิดเป็นร้อยละ 32.6 ลูกจ้างประจำ จำนวน 1,216 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.6 และพนักงานหน่วยงานการพาณิชย์ของ กทม. จำนวน 60 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของจำนวนผู้ยื่นใบขอสินเชื่อ ซึ่งแยกตามวัตถุประสงค์การขอสินเชื่อได้ 4 ประเภท ได้แก่ ขอสินเชื่อเพื่อทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) 1,778 ราย ซื้อบ้าน 2,344 ราย ปลูกหรือซ่อมบ้าน 813 ราย และที่ยังไม่ระบุวัตถุประสงค์ 9 ราย ขณะนี้สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ส่งรายชื่อผู้ขอสินเชื่อไปยังธนาคารทั้ง 4 แห่ง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและอนุมัติสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 3 สัปดาห์แล้ว
ส่วนโครงการบ้านยิ้ม 1 ซึ่งเป็นโครงการสำหรับข้าราชการและลูกจ้าง กทม.ที่มีรายได้ต่ำกว่า 13,500 บาท ได้เปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.52 โดย กทม.ร่วมกับธนาคาร 4 แห่ง ให้สิทธิกู้ซื้อบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ รายละ 390,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนในอัตราต่ำสุด 2.5% ไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนชำระเดือนละ 1,850 นาน 30 ปี มีผู้ส่งใบจองสิทธิทั้งสิ้น 1,900 ราย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ กทม.เปิดโครงการบ้านยิ้ม ปรากฏว่าข้าราชการและลูกจ้างกทม.ให้ความสนใจร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อรวมกับกลุ่มที่รีไฟแนนซ์ตามโครงการสินเชื่อเดิมของ กทม.อีกจำนวน 4,263 ราย วงเงิน 2,110 ล้านบาท ทำให้ กทม.สามารถช่วยเรื่องสวัสดิการที่อยู่อาศัยแก่ข้าราชการและลูกจ้างได้กว่า 10,000 ราย หรือเกิน 10% ของจำนวนข้าราชการและลูกจ้างกทม.ทั้งหมด โดยในเดือนสิงหาคมจะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาโครงการบ้านยิ้มและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความ คืบหน้าทุกเดือนจนกว่าจะครบจำนวนผู้ขอรับสินเชื่อ
วันนี้ (27 ก.ค.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานแถลงข่าวและลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) โครงการบ้านยิ้ม 2 ระหว่าง กทม.กับ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโสกลุ่มลูกค้าบุคคล นายพงศธร คุณานุสรณ์ รองกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นางศรีประภา พริ้งพงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริหารกลุ่มราชการสัมพันธ์ สายงานธุรกิจภาครัฐ บมจ.กรุงไทย และ นางจามรี เศวตจินดา รองกรรมการผู้จัดการสายงานสินเชื่อธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อจัดสวัสดิการด้านที่อยู่อาศัยให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานคร ที่มีรายได้เกิน 13,500 บาทต่อเดือน มีความต้องการซื้อบ้าน ปลูกบ้าน ซ่อมบ้าน หรือทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) โดยให้วงเงินโครงการให้สินเชื่อรายละไม่เกิน 1,500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยหรืออัตราผลตอบแทน 2.5% ต่อปี ไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนชำระนานได้ถึง 30 ปีเช่นเดียวกันกับโครงการบ้านยิ้ม 1
ทั้งนี้ โครงการบ้านยิ้ม 2 ได้กำหนดให้ยื่นใบขอสินเชื่อ ณ หน่วยงานต้นสังกัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 22-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และรวบรวมส่งสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย วันที่ 30 มิ.ย. ปรากฏว่ามีผู้ยื่นใบขอสินเชื่อจำนวน 4,944 ราย วงเงินเกือบ 5 พันล้านบาท โดยเป็นข้าราชการ กทม.จำนวน 2,055 ราย คิดเป็นร้อยละ 41.6 ข้าราชการครู กทม.จำนวน 1,613 ราย คิดเป็นร้อยละ 32.6 ลูกจ้างประจำ จำนวน 1,216 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.6 และพนักงานหน่วยงานการพาณิชย์ของ กทม. จำนวน 60 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของจำนวนผู้ยื่นใบขอสินเชื่อ ซึ่งแยกตามวัตถุประสงค์การขอสินเชื่อได้ 4 ประเภท ได้แก่ ขอสินเชื่อเพื่อทำสัญญาเงินกู้ใหม่ (Refinance) 1,778 ราย ซื้อบ้าน 2,344 ราย ปลูกหรือซ่อมบ้าน 813 ราย และที่ยังไม่ระบุวัตถุประสงค์ 9 ราย ขณะนี้สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ส่งรายชื่อผู้ขอสินเชื่อไปยังธนาคารทั้ง 4 แห่ง เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและอนุมัติสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 3 สัปดาห์แล้ว
ส่วนโครงการบ้านยิ้ม 1 ซึ่งเป็นโครงการสำหรับข้าราชการและลูกจ้าง กทม.ที่มีรายได้ต่ำกว่า 13,500 บาท ได้เปิดโครงการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.52 โดย กทม.ร่วมกับธนาคาร 4 แห่ง ให้สิทธิกู้ซื้อบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ รายละ 390,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนในอัตราต่ำสุด 2.5% ไม่มีเงินดาวน์ ผ่อนชำระเดือนละ 1,850 นาน 30 ปี มีผู้ส่งใบจองสิทธิทั้งสิ้น 1,900 ราย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ กทม.เปิดโครงการบ้านยิ้ม ปรากฏว่าข้าราชการและลูกจ้างกทม.ให้ความสนใจร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อรวมกับกลุ่มที่รีไฟแนนซ์ตามโครงการสินเชื่อเดิมของ กทม.อีกจำนวน 4,263 ราย วงเงิน 2,110 ล้านบาท ทำให้ กทม.สามารถช่วยเรื่องสวัสดิการที่อยู่อาศัยแก่ข้าราชการและลูกจ้างได้กว่า 10,000 ราย หรือเกิน 10% ของจำนวนข้าราชการและลูกจ้างกทม.ทั้งหมด โดยในเดือนสิงหาคมจะเริ่มทยอยเซ็นสัญญาโครงการบ้านยิ้มและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความ คืบหน้าทุกเดือนจนกว่าจะครบจำนวนผู้ขอรับสินเชื่อ
