“วิทยา” ขานรับผลโพลคนกลัวหวัดมรณะ พร้อมใช้มาตรการเข้มข้นตามคำแนะนำนักวิชาการ สั่ง อสม.เร่งรณรงค์ในต่างหวัด ยันไม่จำเป็นต้องปรับคนทำงานหวัดใหญ่ 2009 ใหม่ ทำงานได้ไม่มีปัญหา ส่วนสถานีอนามัยอ่างทองไม่รับผู้ป่วยหวัดใหญ่แค่สื่อความหมายผิด “มานิต” ประสาน เซเว่นอีเลฟเว่น แจกคู่มือ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นสวนดุสิตโพล ที่พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่กลัวโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1 และต้องการให้รัฐบาลเร่งหามาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและยับยั้งการเสียชีวิตที่เข้มข้นมากขึ้น ว่า ขณะนี้ สธ.ดำเนินการมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่และพร้อมรับฟังความคิดเห็น ทุกข้อแนะนำ หากประชาชนเห็นว่า มาตรการของ สธ.ยังไม่เพียงพอก็จะทำให้มากกว่าเดิม ซึ่งเป็นไปตามข้อแนะนำของทีมนักวิชาการ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจ และเห็นว่า สธ.มีความพร้อมที่จะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) วางแผนการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) ที่มีประมาณ 9 แสนคน รณรงค์ในพื้นที่เนื่องจากขณะนี้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่แพร่กระจายไปยังจังหวัดแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างการหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของโรคเมื่อมีคนมาชุมนุมกันจำนวนมาก
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในจังหวัดต่างๆ จะดำเนินการควบคุมอย่างไรให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เนื่องจากมีการกำหนดให้มีการแถลงข้อมูลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง นายวิทยา กล่าวว่า การายงานตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิต ถือว่าไม่เกิดประโยชน์โดยได้มอบหมายให้ นพ.ไพจิตร์ วราชิต เป็นผู้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ระบบ ในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ที่มีการรายงานตัวเลขก็เป็นหน้าที่ของนพ.ไพจิตร์ จะต้องดำเนินการสร้างความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนข้อมูล
“ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เปรียบเทียบการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับรัฐบาลชุดก่อนนั้น ขอชี้แจงว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นโรคระบาดติดต่อจากคนสู่คน เปรียบเทียบไม่ได้กับโรคระบาดจากสัตว์สู่คนเหมือนโรคไข้หวัดนก การระบาดต่างกัน จะให้ สธ.ไปฆ่าไก่ ฆ่าหมูยกเล้าไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อ สธ.รู้อะไรแล้วต้องบอกกับประชาชน และที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยบอกว่าไม่พอใจการทำงานของ สธ.ซึ่ง สธ.ก็ทำงานอย่างเต็มที่ในการควบคุมป้องกันโรค ไม่มีใครอยากเห็นคนป่วย คนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ผมเองก็รู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่มีตัวเลขผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น” นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า กรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีต รมว.สาธารณสุข รณรงค์ควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกฝ่ายจะช่วยกันรณรงค์ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ที่ออกมาควบคุมดูแลเรื่องเจล ล้างมือ และหน้ากาก มีราคาแพง เพราะหากถาม สธ.ก็คงใบ้กินไม่สามารถทำอะไรได้ รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นเรื่องของการป่วยในเด็กนักเรียนช่วยกันเร่งกวดขันเป็นเรื่องที่ดี ที่ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน หาก สธ.ทำเพียงคนเดียวคงไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อถามว่า จะมีการปรับเปลี่ยนคณะทำงานที่เป็นข้าราชการของ สธ.ที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การทำงานคล่องตัวขึ้นหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า หากมีปัญหาก็ต้องปรับแต่ตอนนี้ยังไม่มีปัญหา ไม่ควรพูดให้คนที่ทำงานเสียกำลังใจ ที่ผ่านมาอาจมีการสร้างกระแสข่าวเพราะใกล้จะถึงฤดูกาลโยกย้าย
นายวิทยา กล่าวถึงสถานีอนามัยที่ จ.อ่างทอง ที่มีการร้องเรียนว่า ไม่รับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้ารับการรักษาว่า เป็นการสื่อความหมายผิด เนื่องจากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นการติดป้ายให้ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่แยกจากผู้ป่วยทั่วไปที่มาพบแพทย์ โดยมีการเขียนป้ายอีกจุดว่า เชิญผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทางนี้ ดังนั้น เป็นการห้ามเฉพาะพื้นที่ โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจเรียบร้อยแล้ว
** “มานิต” แจกคู่มือผ่านเซเว่น-โลตัส
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนเพื่อแจกเอกสารคำแนะนำในกรณีที่เจ็บป่วยให้กับประชาชน เพื่อให้ความรู้ในช่วงการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยจะทำเป็นการ์ดขนาดพกพาเพื่อความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งขณะนี้มีภาคเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือในการกระจายเอกสารแล้ว คือ ร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น และ เทสโก้ โลตัส คาดว่า จะสามารถแจกจ่ายให้กับประชาชนได้ภายในสัปดาห์หน้า เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนเมื่อมีสมาชิกในครัวเรือนเจ็บป่วย ก็จะสามารถปฏิบัติตัวได้อย่างถูกวิธี
นายมานิต กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าหน้ากากอนามัยมีการขาดตลาด และบางแห่งมีราคาเกินกว่าความเป็นจริง ซึ่งจะประสานให้กระทรวงพาณิชย์ ดูแลในเรื่องดังกล่าวเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งให้ผลิตหน้ากากชนิดผ้า ซึ่งสามารถใช้ซ้ำได้ ออกมาวางขายตามร้านสะดวกซื้อ และซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัย ซึ่งประชาชนก็สามารถผลิตหน้ากากอนามัยชนิดผ้าไว้ใช้เองในบ้านเรือนได้ ซึ่งลดความสิ้นเปลืองลงได้มาก เพราะการระบาดน่าจะยังคงอยู่ไปถึงช่วงปลายปีนี้แน่นอน
