“หมอประกิต” เผยที่ประชุมการยกร่างพิธีสารการค้ายาสูบผิดกฎหมาย ห้ามบริษัทบุหรี่ร่วมประชุมคุมบุหรี่เถื่อน
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในฐานะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการเข้าร่วมประชุมการยกร่างพิธีสารการค้ายาสูบผิดกฎหมาย ที่กรุงเจนีวา ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม กล่าวว่า ผู้แทนจาก 130 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมลงมติด้วยคะแนน 83 ต่อ 33 เสียง ห้ามผู้แทนบริษัทบุหรี่เข้าสังเกตการณ์ประชุมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนสิ้นสุดการประชุม ญัตติการห้ามผู้แทนบริษัทบุหรี่เข้าสังเกตการณ์ประชุมมีขึ้นภายหลังจากที่ฝ่ายจัดการประชุม พบว่า ในจำนวนผู้เข้าสังเกตการณ์ประชุมในฐานะประชาชนทั่วไป 51 คนเป็นผู้แทนบริษัทบุหรี่ข้ามชาติถึง 41 คน นับเป็นครั้งแรกที่มีการลงมติเพื่อตัดสินความเห็นที่แตกต่างในประวัติสิบปีของเวทีประชุมอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ที่สนับสนุนโดยยูเอ็น และคงจะนำไปสู่การแก้ธรรมนูญการประชุมของอนุสัญญาฯ ที่จะปิดประตูไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าสังเกตการณ์ประชุมครั้งต่อๆ ไป เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทบุหรี่เข้ามารับรู้การเจรจาหามาตรการในการควบคุมบริษัทบุหรี่ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนให้เกิดบุหรี่เถื่อน
“ก่อนหน้านี้ บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ได้จัดให้มีการพบปะกับผู้แทนประเทศต่างๆ อาทิ ยูเออี เวียตนาม และสิงคโปร์ ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เจนีวา รวมทั้งผู้แทนบริษัทบุหรี่ได้มาป้วนเปี้ยนปะปนกับผู้แทนประเทศต่างๆ ในที่ประชุมอย่างเปิดเผย รวมทั้งในงานเลี้ยงรับรองที่จัดโดยองค์การอนามัยโลก” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้เผยแพร่ข้อมูลที่พบว่าร้อยละ 11.6 ของบุหรี่ที่ขายในตลาด 84 ประเทศเป็นบุหรี่หนีภาษี คิดเป็นจำนวนบุหรี่ 657,000 ล้านมวนต่อปี ทำให้รัฐบาลต่างๆ สูญเสียรายได้ 40,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในส่วนของประเทศไทยมีบุหรี่หนีภาษีร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปี
อนึ่ง การเจรจาร่างพิธีสารการค้ายาสูบผิดกฎหมายครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และครั้งที่สองเดือนตุลาคม 2551 เนื้อหาของพิธีสารประกอบด้วยระบบการควบคุมการค้ายาสูบตลอดเส้นทางการผลิตจนถึงผู้ค้าปลีก ตั้งแต่ระบบการออกใบอนุญาต การพิสูจน์ยืนยันลูกค้า การสืบหา และการติดตาม การเก็บบันทึกข้อมูล การขายผลิตภัณฑ์ผ่านอินเทอร์เน็ต การขายบุหรี่ปลอดภาษี การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบุหรี่เถื่อนระดับชาติ และระดับโลก และบทลงโทษต่างๆ
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในฐานะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการเข้าร่วมประชุมการยกร่างพิธีสารการค้ายาสูบผิดกฎหมาย ที่กรุงเจนีวา ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม กล่าวว่า ผู้แทนจาก 130 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมลงมติด้วยคะแนน 83 ต่อ 33 เสียง ห้ามผู้แทนบริษัทบุหรี่เข้าสังเกตการณ์ประชุมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนสิ้นสุดการประชุม ญัตติการห้ามผู้แทนบริษัทบุหรี่เข้าสังเกตการณ์ประชุมมีขึ้นภายหลังจากที่ฝ่ายจัดการประชุม พบว่า ในจำนวนผู้เข้าสังเกตการณ์ประชุมในฐานะประชาชนทั่วไป 51 คนเป็นผู้แทนบริษัทบุหรี่ข้ามชาติถึง 41 คน นับเป็นครั้งแรกที่มีการลงมติเพื่อตัดสินความเห็นที่แตกต่างในประวัติสิบปีของเวทีประชุมอนุสัญญาควบคุมยาสูบ ที่สนับสนุนโดยยูเอ็น และคงจะนำไปสู่การแก้ธรรมนูญการประชุมของอนุสัญญาฯ ที่จะปิดประตูไม่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าสังเกตการณ์ประชุมครั้งต่อๆ ไป เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทบุหรี่เข้ามารับรู้การเจรจาหามาตรการในการควบคุมบริษัทบุหรี่ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนให้เกิดบุหรี่เถื่อน
“ก่อนหน้านี้ บริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่ได้จัดให้มีการพบปะกับผู้แทนประเทศต่างๆ อาทิ ยูเออี เวียตนาม และสิงคโปร์ ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เจนีวา รวมทั้งผู้แทนบริษัทบุหรี่ได้มาป้วนเปี้ยนปะปนกับผู้แทนประเทศต่างๆ ในที่ประชุมอย่างเปิดเผย รวมทั้งในงานเลี้ยงรับรองที่จัดโดยองค์การอนามัยโลก” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้เผยแพร่ข้อมูลที่พบว่าร้อยละ 11.6 ของบุหรี่ที่ขายในตลาด 84 ประเทศเป็นบุหรี่หนีภาษี คิดเป็นจำนวนบุหรี่ 657,000 ล้านมวนต่อปี ทำให้รัฐบาลต่างๆ สูญเสียรายได้ 40,500 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในส่วนของประเทศไทยมีบุหรี่หนีภาษีร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านบาทต่อปี
อนึ่ง การเจรจาร่างพิธีสารการค้ายาสูบผิดกฎหมายครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และครั้งที่สองเดือนตุลาคม 2551 เนื้อหาของพิธีสารประกอบด้วยระบบการควบคุมการค้ายาสูบตลอดเส้นทางการผลิตจนถึงผู้ค้าปลีก ตั้งแต่ระบบการออกใบอนุญาต การพิสูจน์ยืนยันลูกค้า การสืบหา และการติดตาม การเก็บบันทึกข้อมูล การขายผลิตภัณฑ์ผ่านอินเทอร์เน็ต การขายบุหรี่ปลอดภาษี การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบุหรี่เถื่อนระดับชาติ และระดับโลก และบทลงโทษต่างๆ
