ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ ร่วมกับเครือข่ายวิชาชีพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ จัดงานประชุมวิชาการ "บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8" เรื่อง "สิ่งคุกคามใหม่จากอุตสาหกรรมยาสูบ" เนื่องจากสถานการณ์ยาสูบและการได้รับอันตรายจากควันบุหรี่ของคนไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ยังพบว่าภาระจากการเจ็บป่วยและค่ารักษาพยาบาลจากโรคเกี่ยวกับบุหรี่ยังสูงถึง 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่กลุ่มเยาวชน ผู้หญิง และคนยากจน กลับเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงจากยาเสพติดประเภทนี้สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ
นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุว่า ขณะที่ประเทศไทยมีความพยายามลดการบริโภคยาสูบตามพันธสัญญาในการปฏิบัติตามกรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก แต่กลับพบว่ามีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเตรียมจัดงานส่งเสริมการตลาดขึ้นที่ประเทศไทย โดยเป็นการจัดแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบทุกภาคส่วน รวมถึงจะมีการระดมสมองในหัวข้อ "ทำธุรกิจในโลกที่มีการห้ามโฆษณาบุหรี่ได้อย่างไร" นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่ได้รับนิโคติน หรือธุรกิจบุหรี่ออนไลน์ผ่านทวิตเตอร์
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การจัดประชุมของบริษัทบุหรี่ในลักษณะนี้ได้รับการคัดค้านเมื่อ 4 ปีก่อนที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีการรวบรวมรายชื่อ 30,000 รายชื่อ เพื่อคัดค้าน แต่สำหรับการประชุมปีนี้ที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในช่วงปลายปี จะไม่ห้ามการประชุม แต่จะนำข้อมูลของบริษัทบุหรี่เสนอให้สาธารณชนรับทราบ พร้อมทั้งจับตาภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นจะขัดต่อมาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะสั่งการให้กรมควบคุมโรค และกรมสรรพสามิต ตรวจสอบการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ว่าขัดต่อกฎหมายการควบคุมยาสูบหรือไม่ และต้องควบคุมให้บริษัทบุหรี่อยู่ในกรอบของกฎหมาย พร้อมทั้งรับรองว่าหน่วยงานภาครัฐจะต้องไม่ให้การสนับสนุนการประชุมดังกล่าวอย่างแน่นอน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ และศูนย์วิจัยจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ พบว่าข้อมูลจากการสำรวจเมื่อปี 2550 ไทยมีผู้สูบบุหรี่ 10.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ 9.59 ล้านคน สูบเป็นประจำ 1.37 ล้านคน สูบเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเทียบกับปี 2544 พบว่าสัดส่วนผู้สูบบุหรี่ของประชาชนทั้งประเทศลดลงจากปี 2544 ถึง 22.47 เปอร์เซ็นต์ และลดลงเป็น 18.54 ในปี 2550
นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุว่า ขณะที่ประเทศไทยมีความพยายามลดการบริโภคยาสูบตามพันธสัญญาในการปฏิบัติตามกรอบอนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก แต่กลับพบว่ามีบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเตรียมจัดงานส่งเสริมการตลาดขึ้นที่ประเทศไทย โดยเป็นการจัดแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบทุกภาคส่วน รวมถึงจะมีการระดมสมองในหัวข้อ "ทำธุรกิจในโลกที่มีการห้ามโฆษณาบุหรี่ได้อย่างไร" นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่ได้รับนิโคติน หรือธุรกิจบุหรี่ออนไลน์ผ่านทวิตเตอร์
เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การจัดประชุมของบริษัทบุหรี่ในลักษณะนี้ได้รับการคัดค้านเมื่อ 4 ปีก่อนที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีการรวบรวมรายชื่อ 30,000 รายชื่อ เพื่อคัดค้าน แต่สำหรับการประชุมปีนี้ที่จะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในช่วงปลายปี จะไม่ห้ามการประชุม แต่จะนำข้อมูลของบริษัทบุหรี่เสนอให้สาธารณชนรับทราบ พร้อมทั้งจับตาภาครัฐไม่ให้ความร่วมมือ ไม่เช่นนั้นจะขัดต่อมาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะสั่งการให้กรมควบคุมโรค และกรมสรรพสามิต ตรวจสอบการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ว่าขัดต่อกฎหมายการควบคุมยาสูบหรือไม่ และต้องควบคุมให้บริษัทบุหรี่อยู่ในกรอบของกฎหมาย พร้อมทั้งรับรองว่าหน่วยงานภาครัฐจะต้องไม่ให้การสนับสนุนการประชุมดังกล่าวอย่างแน่นอน
สำนักงานสถิติแห่งชาติ และศูนย์วิจัยจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ พบว่าข้อมูลจากการสำรวจเมื่อปี 2550 ไทยมีผู้สูบบุหรี่ 10.8 ล้านคน ในจำนวนนี้ 9.59 ล้านคน สูบเป็นประจำ 1.37 ล้านคน สูบเป็นครั้งคราว แต่เมื่อเทียบกับปี 2544 พบว่าสัดส่วนผู้สูบบุหรี่ของประชาชนทั้งประเทศลดลงจากปี 2544 ถึง 22.47 เปอร์เซ็นต์ และลดลงเป็น 18.54 ในปี 2550
