อย.จับมือ 5 หน่วยงาน เตรียมพร้อมรับมือสกัดกั้นผลิตภัณฑ์เกษตรนำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย หลังทลายกำแพงภาษี เปิดตลาดสินค้าเกษตรภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน ให้เหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป พร้อมเพิ่มมาตรการเข้ม ตรวจทุกล็อตก่อนนำเข้า
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย.ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง มาประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการสกัดกั้นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จำนวน 23 ชนิด ที่มีการลดภาษีการนำเข้าลงเหลือร้อยละ 0 อาจทำให้มีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยได้ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป โดย ที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกันกับมาตรการของ อย.ที่จะใช้ชุดทดสอบเบื้องต้น (Test Kit) ในการตรวจสอบผัก ผลไม้สด เป็นผลิตภัณฑ์นำร่อง ซึ่งจะเริ่มต้นทดสอบในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 นี้
“ผักและผลไม้ทุกล็อตที่นำเข้า ณ ด่านนำเข้า โดยใช้เวลาในการรอผลการทดสอบ 2 ชั่วโมง ซึ่งหากผลการทดสอบเป็นบวกจะกักกันสินค้าไว้ก่อน และจะส่งตัวอย่างไปยืนยันผลที่ห้องปฏิบัติการมาตรฐานที่มีเครื่องมือที่มีความละเอียดแม่นยำตามมาตรฐานสากล คือ เครื่องจีซี (Gas Chromatography :GC) ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์ 8 ชั่วโมง หากพบว่ามีสารฆ่าแมลงตกค้างเกินเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 288 (พ.ศ.2548) หรือมาตรฐานตามโคเด็กซ์ (CODEX) จะไม่ยอมให้มีการนำเข้าผัก ผลไม้สด ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด”นพ.นรังสันต์ กล่าว
รองเลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา อย.ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่นำเข้าผัก ผลไม้สด ที่มีปริมาณสารฆ่าแมลงปนเปื้อนทั้ง 4 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ออร์กาโนคลอรีน ไพรีทรอยด์ คาร์บาเมต และ ออร์กาโนฟอสฟอรัส เกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนด โดยจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท อีกทั้งยังจะขึ้นบัญชีเป็นผู้ประกอบการที่ต้องจับตาระวังเป็นกรณีพิเศษ โดยผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าใน 3 ครั้งถัดไป จะถูกนำเข้าระบบกักกันสินค้าด้วยการอายัดสินค้าทันที ณ ด่านนำเข้า และถูกเก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์อย่างเข้มงวด หากผลการตรวจไม่ได้มาตรฐานสินค้านั้นก็จะถูกทำลายทันที
“ขอให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในความปลอดภัย เพราะ อย.จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ณ ด่านอาหารและยาทุกด่าน เพื่อมิให้ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในประเทศไทยได้เด็ดขาด และขอให้ผู้ประกอบการที่จะนำเข้าผัก ผลไม้สด ดำเนินการตามข้อแนะนำที่ได้มีการประชุมหารือ และรับฟังความเห็นกันไปแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยศึกษารายละเอียดได้ที่ website ของกองงานด่านอาหารและยาที่ www.logistics.fda.moph.go.th ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ 0-2590-7364, 0-2590-7358 ในวันและเวลาราชการ นพ.นรังสันต์ กล่าว
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. นพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า อย.ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง มาประชุมหารือเพื่อเตรียมความพร้อมในการสกัดกั้นผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จำนวน 23 ชนิด ที่มีการลดภาษีการนำเข้าลงเหลือร้อยละ 0 อาจทำให้มีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทยได้ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นไป โดย ที่ประชุมได้เห็นพ้องต้องกันกับมาตรการของ อย.ที่จะใช้ชุดทดสอบเบื้องต้น (Test Kit) ในการตรวจสอบผัก ผลไม้สด เป็นผลิตภัณฑ์นำร่อง ซึ่งจะเริ่มต้นทดสอบในวันที่ 1 กรกฎาคม 2552 นี้
“ผักและผลไม้ทุกล็อตที่นำเข้า ณ ด่านนำเข้า โดยใช้เวลาในการรอผลการทดสอบ 2 ชั่วโมง ซึ่งหากผลการทดสอบเป็นบวกจะกักกันสินค้าไว้ก่อน และจะส่งตัวอย่างไปยืนยันผลที่ห้องปฏิบัติการมาตรฐานที่มีเครื่องมือที่มีความละเอียดแม่นยำตามมาตรฐานสากล คือ เครื่องจีซี (Gas Chromatography :GC) ซึ่งจะใช้เวลาในการตรวจวิเคราะห์ 8 ชั่วโมง หากพบว่ามีสารฆ่าแมลงตกค้างเกินเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 288 (พ.ศ.2548) หรือมาตรฐานตามโคเด็กซ์ (CODEX) จะไม่ยอมให้มีการนำเข้าผัก ผลไม้สด ดังกล่าวอย่างเด็ดขาด”นพ.นรังสันต์ กล่าว
รองเลขาธิการ อย.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา อย.ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่นำเข้าผัก ผลไม้สด ที่มีปริมาณสารฆ่าแมลงปนเปื้อนทั้ง 4 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น ออร์กาโนคลอรีน ไพรีทรอยด์ คาร์บาเมต และ ออร์กาโนฟอสฟอรัส เกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนด โดยจัดเป็นอาหารผิดมาตรฐาน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท อีกทั้งยังจะขึ้นบัญชีเป็นผู้ประกอบการที่ต้องจับตาระวังเป็นกรณีพิเศษ โดยผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าใน 3 ครั้งถัดไป จะถูกนำเข้าระบบกักกันสินค้าด้วยการอายัดสินค้าทันที ณ ด่านนำเข้า และถูกเก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์อย่างเข้มงวด หากผลการตรวจไม่ได้มาตรฐานสินค้านั้นก็จะถูกทำลายทันที
“ขอให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในความปลอดภัย เพราะ อย.จะดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ณ ด่านอาหารและยาทุกด่าน เพื่อมิให้ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาในประเทศไทยได้เด็ดขาด และขอให้ผู้ประกอบการที่จะนำเข้าผัก ผลไม้สด ดำเนินการตามข้อแนะนำที่ได้มีการประชุมหารือ และรับฟังความเห็นกันไปแล้ว เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยศึกษารายละเอียดได้ที่ website ของกองงานด่านอาหารและยาที่ www.logistics.fda.moph.go.th ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ 0-2590-7364, 0-2590-7358 ในวันและเวลาราชการ นพ.นรังสันต์ กล่าว
