ชาวป้อมมหากาฬร้องทำประชาพิจารณ์ ขอพื้นที่ไร่ครึ่งอยู่อาศัยต่อ

ชาวป้อมมหากาฬร้องขอประชาพิจารณ์รื้อย้ายชุมชน พร้อมขอพื้นที่ไร่ครึ่งทำที่อยู่อาศัย ขณะที่ กทม.ยันเลยขั้นตอนนั้นมาแล้ว เพราะต่อไปคือ การบังคับใช้ตามกฎหมาย ด้าน “สุขุมพันธุ์” พร้อมพบชาวบ้าน

วันนี้ (2 มิ.ย.)นายถนอม อ่อนเกตุพล นายวสันต์ มีวงศ์ และ พ.ต.อ.สวัสดิ์ จำปาศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงพื้นที่หารือนอกรอบกับชาวชุมชนป้อมมหากาฬโดยมีนายวิมล แดงสะอาด ผู้ประสานงานชาวชุมชนฯ เป็นตัวแทน ร่วมหารือ โดย นายวิมล กล่าวว่า อยากให้มีการจัดเวทีประชาพิจารณ์โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานกลางเข้าร่วมทั้งนักวิชาการ นักวิจัยที่ได้ศึกษาชุมชนป้อมมหากาฬ นอกเหนือจาก กทม.และชาวชุมชนโดยอาจจัดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะใช้เวทีนี้เป็นการตัดสินหากได้ข้อสรุปว่าเราควรย้ายก็ยินดีที่จะย้ายออก แต่จะต้องหาข้อสรุปด้วยว่าจะให้เราย้ายไปอยู่ที่ไหน

“เมื่อวานนี้หากผมเข้าร่วมประชุมด้วยก็คงจะโดนเชือด ผมถึงไม่เข้าและถ้าจะคุยข้อกฎหมายผมไม่คุยแต่หากคุยแนวทางแก้ไขผมโอเคซึ่งผมอยากได้เวทีที่เป็นกลางและถ้าแพ้ก็พร้อมย้ายออก และต้องการพบผู้ว่าฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ขอเข้าพบ 2 ครั้งแรกก็ยังไม่ได้พบไม่รู้ว่าเป็นผู้ว่าฯแล้วตีนลอยหรือไง และขอยืนยันว่า พวกเราไม่ย้ายเพราะเราไม่ผิดแต่โครงสร้างการพัฒนาเมืองตรงนี้ต่างหากที่ผิด” นายวิมล กล่าว

นายวิมล กล่าวอีกว่า เราขอพื้นที่แค่ 1 ไร่ครึ่งจากพื้นที่ทั้งหมด 4 ไร่ 3 งาน 59.35 ตารางวา เพื่อทำที่อยู่อาศัยให้กับชาวชุมชน 92 ครอบครัว 53 หลังคาเรือน ส่วนที่เหลือก็ให้ทำสวนสาธารณะได้เลยโดยทั้ง 2 ฝ่ายให้มาทำผังสวนสาธารณะร่วมกันและกทม.ก็ไม่ต้องเสียเงินจ้างบุคลากรเข้ามาดูแลเพราะชาวชุมชนจะขออาสาเป็นเวรยามดูแลนักท่องเที่ยวแบบไม่คิดค่าตอบแทน ส่วนเงินที่เหลืออีก 25% เพื่อจ่ายเป็นค่าเวนคืนให้นั้นก็เอาไปเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างสวนสาธารณะได้เช่นกันเพราะชาวบ้านไม่ต้องการเงิน นอกจากนี้ หากเป็นไปได้ก็ให้โอกาส 3 ปีกับชาวบ้านในการพัฒนาชุมชนป้อมมหากาฬ โดยขอให้ กทม.อยู่เฉยๆ โดยเรามีแผนที่จะสร้างบ้านทรงไทยทั้งหมดและจะไม่มีการตัดต้นไม่แม้แต่ต้นเดียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้รับฟังความคิดเห็นจากชาวชุมชนป้อมมหากาฬเสร็จทางคณะที่ปรึกษาฯได้เข้าหารือกับนายประกอบ จิรกิติ รองผู้ว่าฯกทม.โดยนายวสันต์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า การเปิดเวทีสาธารณะตามที่ชาวชุมชนป้อมมหากาฬเรียกร้องนั้นได้เลยขั้นตอนนี้มาแล้วและต่อไปคือขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหากยึดตามที่ชาวบ้านเรียกร้องชาวบ้านอีก 66 ชุมชนที่เกี่ยวกับโครงการก็จะมีปัญหาเช่นเดียวกันถ้ายึดจากหลักเดียวกัน

ขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกอย่างถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว กทม.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพราะหากไม่กระทำตามถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จึงขอให้ประชาชนเคารพสิทธิของรัฐด้วย ทั้งนี้ ตนพร้อมที่จะพูดคุยกับชาวชุมชนตต่างๆ ที่ร้องขอมาและพร้อมให้ความช่วยเหลือ