“สุขุมพันธุ์” เล็งออกพันธบัตร กทม.วงเงิน 20,000 ล้านบาท นำมาสร้างโรงบำบัดน้ำเสีย-เตาเผาขยะ-รถไฟฟ้าโมโนเรล ด้าน “ธีระชน” เผย ทริสเรทติ้งส์ จัดอันดับให้ กทม.ระดับ AA+ พร้อมหารือ “อภิรักษ์-กรณ์” สัปดาห์หน้า เตรียมขอ ก.คลัง เว้นค่าธรรมเนียมออกพันธบัตร ขณะที่แบงก์กรุงเทพเสนอตัวขอเป็นผู้จัดการตราสารให้ กทม.
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยความคืบหน้าการออกพันธบัตร กทม.ว่า ตนได้หารือกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่า ทริส เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของ กทม.อยู่ในระดับ AA + คือ มีความเสี่ยงต่ำมาก มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ย และคืนเงินต้นในเกณฑ์สูงมาก แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ มากกว่าอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับ AAA
นอกจากนี้ ที่ปรึกษานายกฯ ยังเห็นควรที่จะให้เมืองท่องเที่ยว อาทิ เมืองภูเก็ต สมุย พัทยา ซึ่งพัทยาสนใจที่จะทำโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบโมโนเรล ออกพันธบัตรเพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากรัฐบาล โดยให้ กทม.เป็นหน่วยงานปกครองท้องถิ่นนำร่องเป็นแห่งแรก
อย่างไรก็ตาม ตนจะเข้าหารือกับ นายอภิรักษ์ และ นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่กระทรวงการคลัง ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม นี้ โดยในวันดังกล่าวตนจะหารือกับ รมว.คลัง เกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมในการออกพันธบัตรให้กับ กทม.เช่นเดียวกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกพันธบัตรโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม สำหรับพันธบัตรกทม.จะมีอายุ 18-20 ปี เหมือนกับอายุพันธบัตรทั่วไป ส่วนดอกเบี้ยต้องดูที่ระดับความเสี่ยง
นายธีระชน กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ทางธนาคารกรุงเทพ ได้เสนอตัวที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการตราสารให้กับ กทม.โดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยดำเนินการให้กับกรมธนารักษ์ และปตท.ซึ่งทางเราก็รับฟังโดยในวันที่ 22 พ.ค.ทางธนาคารกรุงเทพ จะเข้ามาหารือกับตน ทั้งนี้ เราจะเปิดโอกาสให้กับสถาบันการเงินอื่นเสนอตัวเข้ามาให้พิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตาม การออกพันธบัตรในครั้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ประสงค์ที่จะให้ออกพันธบัตรวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้จ่ายในการดูแลสิ่งแวดล้อมทั้งการบำบัดน้ำเสียที่จะต้องสร้างโรงบำบัดน้ำเสียเพิ่มเติม การบริหารจัดการขยะด้วยการสร้างเตาเผาขยะ การสร้างรถไฟฟ้าแบบโมโนเรล ซึ่งเงินจำนวน 20,000 ล้านอาจจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำหากนำมาทำโครงการดังกล่าวนี้
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวด้วยว่า ส่วนการหารือกับธนาคารชั้นนำจากสาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ทางธนาคารสนใจที่จะให้เงินกู้กับ กทม.เพื่อนำพัฒนาระบบสาธารณูปโภค การก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบโมโนเรลมากกว่าและยินดีที่จะให้อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษในอัตรา (Soft Loan) ร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งในส่วนนี้ต้องดูระดับความเสี่ยงอัตราเงินแลกเปลี่ยนด้วยว่าดอกเบี้ย 2% จะเป็นเงินสกุล US ดอลลาร์ หรือเงินบาท ซึ่งหากเป็น US ดอลลาร์ การออกเป็นพันธบัตรจะเป็นประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตาม ธนาคารจากจีนจะส่งรายละเอียดมาให้เราศึกษาอีกครั้ง
