รัฐไฟเขียว กทม.ออกพันธบัตรระดมทุนสร้างเมกะโปรเจกต์ที่ปรึกษานากยกฯ “อภิรักษ์” ให้จัดอันดับเรตติ้งคาดได้ A- ก่อนสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน “ธีระชน” แพลมอาจออกวงเงินหมื่นล้านแบ่งขายเป็นงวด เล็งระดมทุนจากตลาดญี่ปุ่น แต่ห่วงความเสี่ยงอัตราเงินแลกเปลี่ยน ขณะที่ธนาคารชั้นนำจากจีนเสนอตัวให้ Soft Loan 2% ต่อปี กู้สร้างรถไฟฟ้า ด้าน ก.คลัง พร้อมเป็นพี่เลี้ยงออกสลากออมสินสร้างโรงพยาบาล
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ประสานเข้าหารืออย่างเป็นทางการกับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ดูแลงานด้านกทม.โดยเฉพาะเกี่ยวกับการออกพันธบัตร กทม.เพื่อนำเงินมาลงทุนในโครงการต่างๆ ของ กทม.และใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งในปีงบประมาณ 2553 นี้ กทม.เสนองบประมาณจากรัฐบาลไป 20,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลจะตัดงบให้เหลือประมาณ 14,000 ล้านบาท ทำให้งบที่จะใช้ลงทุนในโครงการใหญ่ๆ หายไป ประกอบกับการจัดเก็บรายได้จากภาษีในปีนี้ลดลงอันเนื่องมาจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอยากให้ กทม.เป็นหน่วยงานนำร่องให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ในการออกพันธบัตรเพื่อนำเงินที่ได้เพิ่มความคล่องตัวในการดูแลทุกข์สุขให้กับประชาชนในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ ที่ปรึกษานายกฯ ยังได้ให้สถาบันการเงินจัดอันดับความน่าเชื่อถือของกทม.ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับ A- ซึ่งมีความเสี่ยงในระดับต่ำ มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นในเกณฑ์สูง แต่อาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ มากกว่าอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงกว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการระบุความเสี่ยงให้กับนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนกับพันธบัตรของ กทม.
นายธีระชน กล่าวอีกว่า สำหรับแนวทางการออกพันธบัตรนั้นหากกทม.ออกพันธบัตรวงเงิน 10,000 ล้านก็จะแบ่งนำเข้าตลาดเป็นงวดๆ ละ 5,000 ล้านบาท โดยจะเปิดจำหน่ายให้กับนักลงทุนในประเทศ ส่วนตลาดต่างประเทศนั้นมีความสนใจที่จะเปิดให้นักลงทุนจากญี่ปุ่น แต่ทั้งนี้ ต้องดูความเสี่ยงจากอัตราเงินแลกเปลี่ยนก่อน อย่างไรก็ตาม ตนเคยมีประสบการณ์เมื่อครั้งบริหารงานภาคเอกชนในการออกหุ้นกู้กว่า 10,000 ล้านบาทมาแล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่ประการใด
นายธีระชน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 13 พฤษภาคม นี้ ตนมีนัดหารือกับผู้แทนจากธนาคารชั้นนำแห่งหนึ่งจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยธนาคารดังกล่าวเสนอตัวที่จะเป็นแหล่งเงินกู้กับกทม.โดยคิดดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษในอัตรา (Soft Loan) ร้อยละ 2 ต่อปี หากจะนำเงินมาลงทุนในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า
ส่วนความคืบหน้าการออกสลากพิเศษนั้น ทางกระทรวงได้การคลังได้ส่งเอกสารวิธีการมาให้ตนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางกระทรวงฯพร้อมให้คำแนะนำ อีกทั้งได้ส่งตัวอย่างมาให้กับทาง กทม.หาก กทม.จะออกสลากมาเพื่อระดมทุนในการก่อสร้างโรงพยาบาล