ศธ.ฉลองวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 117 ปี นายกฯ ส่งสารอวยพรผู้บริหาร ข้าราชการ ศธ. “จุรินทร์” เดินหน้าปฏิรูปการศึกษา วอนให้เวลารัฐบาลทำงานต่อ และมอบเข็มเสมาคุณูปการ และประกาศเกียรติคุณบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ 82 ราย
วันนี้ (1 เม.ย.) เมื่อเวลา 07.30 น.เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 117 ปี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศธ. ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการ สมาชิกชมรมข้าราชการและครูอาวุโส และผู้มีเกียรติได้ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 118 รูป ที่บริเวณถนนหน้ากระทรวง จากนั้นไปกราบสักการะพระพุทธรูปประจำกระทรวงฯ ศาลพระภูมิ และถวายเครื่องสังเวยพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้นเป็นประธานในพิธีถวายภัตตาหารเพล (ปิ่นโต) และจตุปจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ที่หอประชุมคุรุสภา และมอบเข็ม “เสมาคุณูปการ” และประกาศเกียรติคุณบัตรแก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กระทรวงศึกษาธิการ ทั้งสิ้น 82 คน เช่น นางจรวยพร ธรณินทร์, นายพนม พงษ์ไพบูลย์, พล.อ.ศิรินทร์ ธูปกล่ำ, นายอุฤทธิ์ บุญมาก, นายสุรพล นิติไกรพจน์, ศ.ยงยุทธ ยุทธวงศ์, นายสุชาติ เมืองแก้ว, รศ.มณฑล สงวนเสริมศรี
นายจุรินทร์ ได้อ่านสารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงศึกษาฯ ทุกคนว่า กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความรู้ควบคู่คุณธรรมและจริยธรรมอันดีงาม เป็นพลเมืองดี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคม และประเทศชาติ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ด้วยการปฏิรูปการศึกษา ให้มีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนด้วยความยืดหยุ่น และมีการพัฒนาตลอดเวลา เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จเป็นรูปธรรมและสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2540 ที่มุ่งพัฒนาคนบนพื้นฐานของกระบวนการเรียนรู้ ที่เชื่อมโยงสถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา และสถาบันการศึกษาเข้าด้วยกันบนบรรทัดฐานของความเท่าเทียมและเสมอภาคกันในการเข้ารับการศึกษาของคนไทยทุกคน
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กระทรวงศึกษาฯ จะเป็นกำลังสำคัญของภาครัฐต่อไป ในการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณลักษณะที่จะช่วยหล่อหลอมเด็กเยาวชนไทยทุกคนให้เป็นผู้ที่จักคิดวิเคราะห์ ริเริ่มสร้างสรรค์ รักการอ่านและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง
นายจุรินทร์ กล่าวว่า การศึกษาไทยพัฒนาไปมากแล้ว ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงสถาปนากระทรวงฯ ขึ้นมาได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จนถึงปี 2542 ขณะนั้นนายชวน หลีกภัย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ปฏิรูปการศึกษาอีกครั้งหนึ่ง และปีนี้จะมีการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ซึ่งจะได้ข้อสรุปสิ้นเดือนเมษายนนี้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าการศึกษาช่วงที่ผ่านมามีความเจริญก้าวหน้า และมีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับและแซงหน้าไปหลายประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับความจริงว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องดำเนินการต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษใหม่ จะมุ่งเน้นเรื่องของคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญ โดยจะวัดผลสัมฤทธิ์จากผู้เรียน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ช่วง 3 เดือนที่มาดูกระทรวงฯนั้น ซึ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนระอุ แต่ก็ได้ดำเนินการทางการศึกษาให้ก้าวหน้าไปหลายเรื่อง เนื่องเพราะนโยบายรัฐบาลชัดเจน ประกอบกับได้รับความร่วมมือจากเพื่อนข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างอย่างดี ส่งผลให้มีงานเดินหน้าไปจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าในอีกไม่นานนี้จะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน เพียงขอโอกาสให้ตนและรัฐบาลได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง