“เสธ.หนั่น” แอบประชุมลับ พิจารณามาตรการห้ามขายเหล้า-เบียร์ “มานิต” รับหนักใจแต่สู้ต่อ ภาคประชาชนเคลือบแคลงประธานคณะกรรมการนโยบายฯ มีผลประโยชน์ทับซ้อน “ชาโต เดอ ชาละวัน” ส่งผลกำหนดกฎหมายบิดเบี้ยว ชี้ ไม่เหมาะสม ผิดหลักองค์การอนามัยโลก ไม่มั่นใจกลัวกระทบเศรษฐกิจชาติ หรือคนบางกลุ่ม
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 23 มีนาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2 แนวทาง คือ ห้ามจำหน่ายทั้ง 3 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือห้ามจำหน่าย 3 วัน แต่ยกเว้นร้านอาหารผับ บาร์ ภัตตาคาร โรงแรม โดยใช้ขายได้ตั้งแต่ 18.00-24.00 น.ซึ่ง สธ.จะยืนยันตามจุดยืนเดิม แต่หากเป็นกระทรวงอื่นก็ไม่ทราบเช่นกัน เนื่องจากอาจจะมีแนวคิดคนละมุมมอง คนละจุดยืนกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะได้ข้อสรุปในวันนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนมากไปกว่านี้
“คงไม่เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล เพียงแต่มุมมองอาจไม่เหมือนกัน ส่วนการที่ เสธ.หนั่น จะมีธุรกิจส่วนตัว หรือของครอบครัวเกี่ยวกับเหล้าไวน์แล้วจะกระทบกับการตัดสินใจด้วยหรือไม่ คงต้องถาม เสธ.หนั่น ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีบริษัทเหล้ามาล็อบบี้ผมอย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครล็อบบี้ผมได้ มีแต่กลุ่มเครือข่ายต้านเหล้าเท่านั้น ที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม” นายมานิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเห็นด้วยกับแนวทางที่ สธ.เสนอไปหรือไม่ก็ได้ หรือจะปรับมาตรการเป็นอย่างไรก็ได้เช่นกัน เพราะมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องนี้เต็มที่ หากเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องเคารพสิทธิ์ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว แต่ควรเป็นแนวทางที่สังคมสามารถยอมรับได้ รวมทั้งต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ด้วย
ต่อข้อถามว่า พล.ต.สนั่น มองว่า การห้ามขายเหล้าถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ นายมานิต กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตอบลำบาก เพราะที่ผ่านมา สธ.ก็รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของแอลกอฮอล์อย่างเต็มที่ ซึ่งการห้ามขายเหล้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ยังต้องมีการรณรงค์ลด ละ เลิก ดื่มเหล้า-เบียร์เหมือนเดิม และต่อเนื่องไม่ใช่ห้ามขายอย่างเดียวแล้วนิ่งนอนใจไม่ทำอะไร
“รู้สึกหนักใจเป็นธรรมดา แต่ก็ยืนยันว่า จะสู้ และเดินหน้าต่อไป หากอำนาจการติดสินใจเป็นของ สธ.ก็คงห้ามไปแล้วและเรื่องไม่ยืดเยื้อขนาดนี้ ขณะที่ สธ.ยังมีงานข้างหน้าอีกมาก ถึงห้ามไม่ห้ามอย่างไรก็ยังต้องรณรงค์เชิงรุก ซึ่งประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย” นายมานิต กล่าว
ด้าน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า หากมองในแง่ดี พล.ต.สนั่น อาจจะไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ก็น่าจะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจึงตัดสินใจ เพราะมีข้อมูลทางวิชาการจำนวนมากบอกถึงสาเหตุปัญหาสถานการณ์การสูญเสียชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ใช่ออกมาบอกว่า ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบนฐานที่ไม่มีข้อมูลอ้างอิง ไม่เข้าใจว่า เป็นการกระทบกับเศรษฐกิจชาติหรือเฉพาะคนบางกลุ่ม ขณะที่เครือข่ายมีการสำรวจข้อมูลชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยว 95% ที่เลือกมาท่องเที่ยวไทยแม้ว่าจะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม
“ก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น เป็นเจ้าของธุรกิจจำหน่ายไวน์ ชาโต เดอ ชาละวัน ไม่แน่ใจว่าครอบครัวจะยังทำธุรกิจนี้อยู่หรือไม่ หากยังทำอยู่ก็ไม่เหมาะสมที่จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ อีกทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ควรเป็นผู้ออกกฎหมาย” นายสงกรานต์ กล่าว
นายสงกรานต์ กลาวต่อว่า การที่ พล.ต.สนั่น บอกว่า การห้ามขายไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ทราบหรือไม่ ว่า การรณรงค์ที่ทำทุกปีทำมาหมดแล้ว แม้แต่แจกมะขาม มะยม แต่การห้ามขายในช่วงนี้ เพื่อไม่ให้คนเมาขับขี่รถไปซื้อเหล้าเพิ่มได้ โดยไม่ได้ห้ามดื่มหากใครจะวางแผนซื้อมาดื่มแล้วดื่มอยู่ที่บ้านก็คงไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุมความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกทั้งระดับประเทศและกลุ่มภาคีอาเซียน มีมติออกข้อแนะนำแก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า ไม่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมในการกำหนดนโยบายโดยตรงหรืออ้อม เช่น ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตัวแทนนักวิชาการของกลุ่มธุรกิจ เนื่องจากอาจทำให้นโยบายที่ออกมาบิดเบี้ยวแต่ไม่ได้มีการกำหนดเป็นข้อห้ามที่ต้องมีบทลงโทษแต่อย่างใด ทั้งนี้ประเทศสมาชิกจะนำไปใช้หรือไม่ก็ได้ โดยแต่ละประเทศสามารถนำมาใช้โดยการออกกฎหมายกำกับ
นพ.ทักษพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำหนดเพียงคุณสมบัติของตัวแทนจากภาคประชาชนต้องไม่เป็นผู้ที่ส่วนได้เสียกับธุรกิจแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่เป็นคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยตำแหน่งแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดแรก เพื่อพิจารณามาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ขณะนี้ได้กลายเป็นการประชุมลับ เนื่องจากมีคำสั่งไม่ให้กำหนดการประชุมดังกล่าวเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ขณะนี้จึงไม่ทราบว่า ในวันที่ 23 มีนาคม ที่จะมีการประชุมนั้น มีการจัดประชุมที่ใด
ในวันเดียวกัน ที่โรงแรมแกรน์เมอร์เคียว ฟอร์จูน นายมานิต นพอมรบดี จะเป็นประธานในการเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้กับสมาคมภัตตาคาร ผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เวลา 14.30 น.จะมีการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมด้วย
นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันที่ 23 มีนาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เพื่อพิจารณาตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างวันที่ 12-14 เมษายน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2 แนวทาง คือ ห้ามจำหน่ายทั้ง 3 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือห้ามจำหน่าย 3 วัน แต่ยกเว้นร้านอาหารผับ บาร์ ภัตตาคาร โรงแรม โดยใช้ขายได้ตั้งแต่ 18.00-24.00 น.ซึ่ง สธ.จะยืนยันตามจุดยืนเดิม แต่หากเป็นกระทรวงอื่นก็ไม่ทราบเช่นกัน เนื่องจากอาจจะมีแนวคิดคนละมุมมอง คนละจุดยืนกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะได้ข้อสรุปในวันนี้ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนมากไปกว่านี้
“คงไม่เกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล เพียงแต่มุมมองอาจไม่เหมือนกัน ส่วนการที่ เสธ.หนั่น จะมีธุรกิจส่วนตัว หรือของครอบครัวเกี่ยวกับเหล้าไวน์แล้วจะกระทบกับการตัดสินใจด้วยหรือไม่ คงต้องถาม เสธ.หนั่น ทั้งนี้ ยืนยันว่า ไม่มีบริษัทเหล้ามาล็อบบี้ผมอย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครล็อบบี้ผมได้ มีแต่กลุ่มเครือข่ายต้านเหล้าเท่านั้น ที่มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม” นายมานิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเห็นด้วยกับแนวทางที่ สธ.เสนอไปหรือไม่ก็ได้ หรือจะปรับมาตรการเป็นอย่างไรก็ได้เช่นกัน เพราะมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องนี้เต็มที่ หากเสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องเคารพสิทธิ์ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว แต่ควรเป็นแนวทางที่สังคมสามารถยอมรับได้ รวมทั้งต้องตอบคำถามของสังคมให้ได้ด้วย
ต่อข้อถามว่า พล.ต.สนั่น มองว่า การห้ามขายเหล้าถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ นายมานิต กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ตอบลำบาก เพราะที่ผ่านมา สธ.ก็รณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของแอลกอฮอล์อย่างเต็มที่ ซึ่งการห้ามขายเหล้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็ยังต้องมีการรณรงค์ลด ละ เลิก ดื่มเหล้า-เบียร์เหมือนเดิม และต่อเนื่องไม่ใช่ห้ามขายอย่างเดียวแล้วนิ่งนอนใจไม่ทำอะไร
“รู้สึกหนักใจเป็นธรรมดา แต่ก็ยืนยันว่า จะสู้ และเดินหน้าต่อไป หากอำนาจการติดสินใจเป็นของ สธ.ก็คงห้ามไปแล้วและเรื่องไม่ยืดเยื้อขนาดนี้ ขณะที่ สธ.ยังมีงานข้างหน้าอีกมาก ถึงห้ามไม่ห้ามอย่างไรก็ยังต้องรณรงค์เชิงรุก ซึ่งประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย” นายมานิต กล่าว
ด้าน นายสงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า หากมองในแง่ดี พล.ต.สนั่น อาจจะไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ก็น่าจะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจึงตัดสินใจ เพราะมีข้อมูลทางวิชาการจำนวนมากบอกถึงสาเหตุปัญหาสถานการณ์การสูญเสียชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ใช่ออกมาบอกว่า ไม่เห็นด้วย เพราะกลัวผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบนฐานที่ไม่มีข้อมูลอ้างอิง ไม่เข้าใจว่า เป็นการกระทบกับเศรษฐกิจชาติหรือเฉพาะคนบางกลุ่ม ขณะที่เครือข่ายมีการสำรวจข้อมูลชัดเจนว่ามีนักท่องเที่ยว 95% ที่เลือกมาท่องเที่ยวไทยแม้ว่าจะห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม
“ก่อนหน้านี้ พล.ต.สนั่น เป็นเจ้าของธุรกิจจำหน่ายไวน์ ชาโต เดอ ชาละวัน ไม่แน่ใจว่าครอบครัวจะยังทำธุรกิจนี้อยู่หรือไม่ หากยังทำอยู่ก็ไม่เหมาะสมที่จะนั่งเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ อีกทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ควรเป็นผู้ออกกฎหมาย” นายสงกรานต์ กล่าว
นายสงกรานต์ กลาวต่อว่า การที่ พล.ต.สนั่น บอกว่า การห้ามขายไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุนั้น ทราบหรือไม่ ว่า การรณรงค์ที่ทำทุกปีทำมาหมดแล้ว แม้แต่แจกมะขาม มะยม แต่การห้ามขายในช่วงนี้ เพื่อไม่ให้คนเมาขับขี่รถไปซื้อเหล้าเพิ่มได้ โดยไม่ได้ห้ามดื่มหากใครจะวางแผนซื้อมาดื่มแล้วดื่มอยู่ที่บ้านก็คงไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี แผนงานพัฒนาศักยภาพนักวิจัยด้านนโยบายแอลกอฮอล์ สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในการประชุมความร่วมมือขององค์การอนามัยโลกทั้งระดับประเทศและกลุ่มภาคีอาเซียน มีมติออกข้อแนะนำแก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า ไม่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมในการกำหนดนโยบายโดยตรงหรืออ้อม เช่น ตัวแทนภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ตัวแทนนักวิชาการของกลุ่มธุรกิจ เนื่องจากอาจทำให้นโยบายที่ออกมาบิดเบี้ยวแต่ไม่ได้มีการกำหนดเป็นข้อห้ามที่ต้องมีบทลงโทษแต่อย่างใด ทั้งนี้ประเทศสมาชิกจะนำไปใช้หรือไม่ก็ได้ โดยแต่ละประเทศสามารถนำมาใช้โดยการออกกฎหมายกำกับ
นพ.ทักษพล กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กำหนดเพียงคุณสมบัติของตัวแทนจากภาคประชาชนต้องไม่เป็นผู้ที่ส่วนได้เสียกับธุรกิจแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่เป็นคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ โดยตำแหน่งแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดแรก เพื่อพิจารณามาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ขณะนี้ได้กลายเป็นการประชุมลับ เนื่องจากมีคำสั่งไม่ให้กำหนดการประชุมดังกล่าวเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ขณะนี้จึงไม่ทราบว่า ในวันที่ 23 มีนาคม ที่จะมีการประชุมนั้น มีการจัดประชุมที่ใด
ในวันเดียวกัน ที่โรงแรมแกรน์เมอร์เคียว ฟอร์จูน นายมานิต นพอมรบดี จะเป็นประธานในการเปิดโครงการประชาสัมพันธ์ พ.ร.บ.ควบคุมครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ให้กับสมาคมภัตตาคาร ผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่วนที่กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เวลา 14.30 น.จะมีการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมด้วย
