อนุ กก.คัดเลือกยาจำเป็นราคาแพง 3 รายการ ต่อรองราคายาก่อนทำซีแอล‏

อนุกรรมการคัดเลือกยาจำเป็นราคาแพง 3 รายการ “ริทูซิแมบ” รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, ส่วนอีก 2 ตัว “อิทาเนอร์เซบ”, “อินฟลิซิแมบ” ยารักษารูมาตอยด์ ต่อรองราคา “หมอศิริวัฒน์” เผยเปรียบเทียบราคายาใน 10 ประเทศ พบราคายาในไทยแพงสุด มูลค่าการใช้กว่า 1.2 พันล้านบาท หากเจรจาสำเร็จช่วยลดงบประมาณได้พันล้านบาทต่อปี ผู้ป่วยเข้าถึงยาง่ายขึ้น เตรียมเชิญบริษัทยาหารืออีกรอบ 9 เม.ย.นี้

วันที่ 17 มีนาคม นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะทำงานต่อรองราคายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นและมีปัญหาการเข้าถึงของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะอนุกรรมการคัดเลือกยาและเวชภัณฑ์ที่มีความจำเป็นและมีปัญหาการการเข้าถึงของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพ ซึ่งมีภญ.สำลี ใจดี เป็นประธานได้มีการพิจารณายาที่มีความจำเป็นต้องใช้แต่อยู่นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยใช้แนวทางเกณฑ์การคัดเลือกยาจากคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ และสำรวจข้อมูลจากผู้ป่วยและแพทย์ถึงยาที่มีความจำเป็นต้องใช้ เบื้องต้นได้พิจารณายา 3 รายการที่มีความจำเป็นคือ ริทูซิแมบ (Rituximab) ยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว, อิทาเนอร์เซบต์ (Etanercept) และ อินฟลิซิแมบ (Infliximab) ยารักษาโรครูมอตอยด์ หรือข้ออักเสบ และได้แต่งตั้งคณะทำงานต่อรองราคายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นและมีปัญหาการเข้าถึงของประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพขึ้น โดยมีตนเป็นประธาน ซึ่งมีตัวแทนจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง สำนักงานประกันสังคม และ สปสช. เป็นคณะทำงานด้วย เนื่องจากหากการเจรจาสำเร็จจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้ง 3 ระบบดังกล่าว ซึ่งทั้ง 3 ระบบจะใช้ยาราคาเดียว เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่าง

“เบื้องต้นคณะทำงานได้เชิญบริษัทยาเข้ามาเจรจาถึงปริมาณการใช้และราคายาทั้ง 3 รายการ ซึ่งบริษัทยาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ขอเวลา 2 สัปดาห์เพื่อไปเจรจากับบริษัทแม่ก่อน และได้นัดหมายเพื่อหารือกับคณะทำงานฯอีกครั้งในวันที่ 9 เมษายน 2552 นี้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า กระบวนการดำเนินงานเรื่องดังกล่าวของไทยมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา มีการหารือกับบริษัทยาเพื่อหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการดำเนินการทุกครั้ง” นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว

นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ได้มีการศึกษาเปรียบเทียบราคายาทั้ง 3 รายการที่มีจำหน่ายในประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาจำนวน 10 ประเทศ ซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาแล้ว เช่น บราซิล อินเดีย อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ พบว่าเมื่อเทียบราคายากับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ จีดีพี (GDP) แล้ว ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนากลับได้ใช้ยา 3 รายการในราคาแพงที่สุด

นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมูลค่าการใช้ยาของทั้ง 3 รายการ มีดังนี้ 1.ยาริทูซิแมบผู้ป่วยต้องจ่ายค่ายา 4.3 แสนบาท/คน/ปี 2.ยาอิทาเนอร์เซบต์ และยา อินฟลิซิแมบ ผู้ป่วยต้องจ่ายค่ายา 2.3-6 แสนบาท/คน/ปี ในภาพรวมมีมูลค่าการใช้ถึง 1,200 ล้านบาท/ปี ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก ผู้ป่วยที่ยากจนไม่สามารถเข้าถึงยาได้ หากมีการทำสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาหรือ ซีแอลก็จะช่วยให้ประหยัดงบประมาณได้ถึงปีละ 1,000 ล้านบาท และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น เนื่องจากสามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น

อนึ่ง ราคาอ้างอิงยาทั้ง 3 รายการในปัจจุบันที่จำหน่ายในท้องตลาด มีดังนี้ 1.ยาริทูซิแมบ 100 mg/10 ml ราคา 15,631.10 บาท 2. ยาริทูซิแมบ 500 mg/5ml ราคา 62,814.35 3.ยาอิทาเนอร์เซบต์ 25 mg ราคา 6,173.90 บาท 4.ยาอิทาเนอร์เซบต์ 50 mg ราคา 12,347.80 บาท และ 5.อินฟลิซิแมบ 100 mg ราคา 27,547.15 บาท