“อู๊ดด้า” ไม่หวั่นศึกซักฟอก ถือเป็นโอกาสพีอาร์งาน 2 เดือนที่ผ่านมา ชู 9 เรื่องเป็นเข็มทิศปฏิรูปการศึกษารอบ 2 พร้อมย้ำมีการปรับลด-เพิ่ม จะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นเดือนมีนาคม แย้มจำเป็นต้องเสนอ ครม.ปรับแก้กฎหมาย จะดำเนินการตามขั้นตอน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานเปิดการประชุมระดมความคิด “ปฏิรูปประเทศไทย เริ่มด้วยร่วมใจปฏิรูปการศึกษา” กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการรับฟังสภาพการศึกษาของสถานศึกษาที่เป็นจริง เพื่อนำมาเป็นแนวทางปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ซึ่งการปฏิรูปการศึกษารอบแรก เมื่อปี 2542 จนถึงขณะนี้ก็ครบหนึ่งทศวรรษ และจากการประเมินผลด้วยตัวชี้วัดต่างๆ พบว่าประสบความสำเร็จหลายเรื่องๆ เช่น โครงการสร้างกระทรวงศึกษาธิการ อย่างที่เห็นทุกวันนี้ และยังมีหน่วยงานเพิ่มขึ้นด้วย คือ สมศ., สทศ. ถ้าหากไม่จัดทัพ องคาพยพต่างๆ คงเดินหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับความจริงว่ามีบางส่วนยังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือ ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ การใช้เครื่องมือไอซีที เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ
ขณะนี้ ศธ.ได้มีการเตรียมวางแผนผลิตครู โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด จะเห็นผลในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าจะมีครูของนักเรียน ครูของครู ทั้งนี้จะเน้นเชิงคุณภาพ มาตรฐาน โดยให้มหาวิทยาลัย 71 สถาบันที่เปิดสอนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ มาตกลงกันว่ามหาวิทยาลัยจะผลิตนักศึกษาจำนวนเท่าไหร่ สาขาอะไร ขอเน้นเปิดสอนสาขาขาดแคลน ไม่ใช่เด็กไปออกันในบางสาขา ขณะที่สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ขาด
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การปฏิรูปการศึกษารอบ 2 จำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และมอบให้ สภาการศึกษา (สกศ.) เป็นเจ้าภาพ โดยกำหนดประเด็นปฏิรูปการศึกษาในเบื้องต้น 9 ประเด็น คือ 1.การพัฒนาคุณภาพการศึกษา/ผู้เรียน 2.การผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษาและการมีส่วนร่วม 4.การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา 5.การผลิตและพัฒนากำลังคน 6.การเงินเพื่อการศึกษา 7.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 8.กฎหมายการศึกษา และ 9.การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
“9 เรื่องเป็นแค่ทิศทางเบื้องต้นเท่านั้น ภายหลังที่ระดมความคิดเห็นแล้ว จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการปรับลดหรือเพิ่ม เรื่องไหนอย่างไร พร้อมกันนี้จะมีการจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ถ้าหากเรื่องไหนจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้กฎหมาย ก็จะทำตามขั้นตอน เพื่อให้ปฏิรูปการศึกษาไปสู่ความสำเร็จ”
ส่วนกรณีที่นายจุรินทร์เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยนั้น รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา พร้อมที่จะตอบทุกคำถาม กลับเป็นผลดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์ผลงานตลอด 2 เดือน”
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานเปิดการประชุมระดมความคิด “ปฏิรูปประเทศไทย เริ่มด้วยร่วมใจปฏิรูปการศึกษา” กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการรับฟังสภาพการศึกษาของสถานศึกษาที่เป็นจริง เพื่อนำมาเป็นแนวทางปฏิรูปการศึกษารอบ 2 ซึ่งการปฏิรูปการศึกษารอบแรก เมื่อปี 2542 จนถึงขณะนี้ก็ครบหนึ่งทศวรรษ และจากการประเมินผลด้วยตัวชี้วัดต่างๆ พบว่าประสบความสำเร็จหลายเรื่องๆ เช่น โครงการสร้างกระทรวงศึกษาธิการ อย่างที่เห็นทุกวันนี้ และยังมีหน่วยงานเพิ่มขึ้นด้วย คือ สมศ., สทศ. ถ้าหากไม่จัดทัพ องคาพยพต่างๆ คงเดินหน้าไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับความจริงว่ามีบางส่วนยังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือ ยกระดับคุณภาพการศึกษาให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ การใช้เครื่องมือไอซีที เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ
ขณะนี้ ศธ.ได้มีการเตรียมวางแผนผลิตครู โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด จะเห็นผลในอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าจะมีครูของนักเรียน ครูของครู ทั้งนี้จะเน้นเชิงคุณภาพ มาตรฐาน โดยให้มหาวิทยาลัย 71 สถาบันที่เปิดสอนคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ มาตกลงกันว่ามหาวิทยาลัยจะผลิตนักศึกษาจำนวนเท่าไหร่ สาขาอะไร ขอเน้นเปิดสอนสาขาขาดแคลน ไม่ใช่เด็กไปออกันในบางสาขา ขณะที่สาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ขาด
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า การปฏิรูปการศึกษารอบ 2 จำเป็นต้องเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และมอบให้ สภาการศึกษา (สกศ.) เป็นเจ้าภาพ โดยกำหนดประเด็นปฏิรูปการศึกษาในเบื้องต้น 9 ประเด็น คือ 1.การพัฒนาคุณภาพการศึกษา/ผู้เรียน 2.การผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษาและการมีส่วนร่วม 4.การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา 5.การผลิตและพัฒนากำลังคน 6.การเงินเพื่อการศึกษา 7.เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา 8.กฎหมายการศึกษา และ 9.การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
“9 เรื่องเป็นแค่ทิศทางเบื้องต้นเท่านั้น ภายหลังที่ระดมความคิดเห็นแล้ว จะมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการปรับลดหรือเพิ่ม เรื่องไหนอย่างไร พร้อมกันนี้จะมีการจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งจะได้ข้อสรุปก่อนสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ถ้าหากเรื่องไหนจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) แก้กฎหมาย ก็จะทำตามขั้นตอน เพื่อให้ปฏิรูปการศึกษาไปสู่ความสำเร็จ”
ส่วนกรณีที่นายจุรินทร์เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยนั้น รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา พร้อมที่จะตอบทุกคำถาม กลับเป็นผลดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์ผลงานตลอด 2 เดือน”