กรมศิลป์ มึน! ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองเก่าสุโขทัยกว่า 400 ไร่ พร้อมเรียกร้องเอกสารสิทธิ์ที่ดินทำกิน เชื่อกลุ่มนายทุนหนุนหลังหวังผุดรีสอร์ทในเขตโบราณสถาน ด้านวธ.เร่งตั้งกรรมการสอบเข้ม หวั่นกระทบภาพลักษณ์เมืองมรดกโลก
วันนี้ (10 มี.ค.) นายอนันต์ ชูโชติ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากร ประจำอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ได้ออกตรวจสอบพื้นที่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยบริเวณชั้นนอก ด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นเขตอรัญญิก ที่ประกอบด้วยโบราณสถาน วัดสะพานหิน วัดอรัญญิก วัดตระพังช้างเผือก วัดช้างรอบ วัดเขาพระบาทน้อย วัดป่ามะม่วง วัดศรีโทล วัดตึก เทวาลัยมหาเกษตร วัดเจดีย์งาม วัดเขาพระบาทใหญ่ สรีดภงส์ พบเรื่องที่น่าตกใจ เนื่องจาก มีชาวบ้านเข้ามาบุกรุกพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ กว่า 400 ไร่ โดยเฉพาะพื้นที่ตรงข้ามวัดสะพานหิน ซึ่งได้ประกาศเขตโบราณสถานชั้นนอก ได้มีการตัดต้นไม้ ถางป่า รวมทั้งล้อมรั้วลวดหนามเพื่อแบ่งเขตครอบครองพื้นที่เป็นของตนเอง เพื่อทำเป็นไร่อ้อย ปลูกมันสำปะหลัง ที่สำคัญได้มีการลงเสาไฟฟ้าเข้าไปยังที่พักอาศัยของชาวบ้านอีกด้วย
ผอ.สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย กล่าวต่อไปว่า พื้นที่ดังกล่าว แต่เดิมเป็นป่าโปร่งโบราณที่เป็นสถานที่ของเขตพุทธาวาส มีสภาพเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ แต่ปรากฏว่า ขณะนี้ สภาพดังกล่าวได้หายไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้การบุกรุกของชาวบ้านดังกล่าว เชื่อว่า อาจจะมีผู้มีอิทธิพล นายทุน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ให้ชาวบ้านเข้ามาถางป่าทำไร่ ระยะหนึ่งก่อน และเรียกร้องขอออกเอกสารสิทธิ์ เพื่อครอบครองพื้นที่ดังกล่าว ที่สำคัญทางสำนักศิลปากร เกรงว่า ต่อไปนายทุนอาจจะมีการรุกพื้นที่ต่อไปอีก เพื่อก่อสร้างรีสอร์ท และที่พักอาศัย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เกิดขึ้นในอนาคต เพื่อทำให้รู้สึกว่าอยู่ในบรรยากาศเมืองเก่าในเขตอุทยาน นอกจากนี้ยังพบว่า ในเขตโบราณสถานคูเมืองชั้นใน ชาวบ้านยังได้ทุบทำลายกำแพงดินโบราณ จนกลายเป็นถนนทางเข้าออกทะลุกำแพง ซึ่งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของกำแพงเมืองโบราณเสียไปด้วย
“ที่ผ่านมาชาวบ้านได้พยายามเรียกร้องขอออกโฉนดเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางสำนักศิลปากรหนักใจอย่างมาก และได้พยายามที่จะปกป้องและคัดค้านการกระทำดังกล่าว แต่ชาวบ้านก็พยายามเปลี่ยนสภาพการเป็นเขตโบราณสถานอรัญญิก หรือเขตวัดป่าโบราณที่ขึ้นทะเบียนเขตโบราณสถาน ตั้งแต่ปี 2518 ในพื้นที่จำนวนทั้งหมด 43,750 ไร่ ทำให้ขณะนี้ป่าหลายร้อยไร่กลับกลายเป็นพื้นที่ทำกิน และเป็นการทำลายบรรยากาศสภาพแวดล้อมของเขตอุทยานประวัติศาสตร์ เพื่อกลบหลักฐานที่ตั้งของโบราณสถานให้หายไป
ที่สำคัญกรมศิลปากร ไม่มีกฎหมายเอาผิดได้ เพราะชาวบ้านไม่ได้เข้าไปทำลายโบราณสถานโดยตรง อีกทั้งยังยืนยันว่าจะไม่ออกไม่ย้าย ไม่หนี อย่างไรก็ตาม ตนจะรายงานเรื่องดังกล่าวต่อนายเกียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร เพื่อหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อหามาตรการป้องกันการบุกรุกเขตอุทยานประวัติศาสตร์ต่อไป” นายอนันต์ กล่าว
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ และการทำลายกำแพงโบราณแล้ว โดยได้มอบหมายให้สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย เร่งทำความเข้าใจกับชาวบ้าน โดยจะต้องมีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการใช้ที่ดินตามแผนแม่บทของอุทยานประวัติศาสตร์ รวมทั้งจัดตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ทำหน้าที่ประสานงานและตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ และทำให้ประชาชน เห็นประโยชน์ของการอนุรักษ์พื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์ ทั้งนี้หากประชาชนยังมีการทำลายพื้นที่อุทยานและโบราณสถานอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองมรดกโลกด้วย
