“สมเกียรติ” อัด รบ.เมินเฉย ไม่จัดการ “กลุ่มทุน” บุกรุกผืนป่า-สร้างรีสอร์ต นับพันแห่ง จนเป็นต้นเหตุทำให้ “ปากช่อง” เกิดน้ำท่วม พร้อมยกพระราชดำรัส กังขากฎหมายไล่ ปชช.ที่ยากไร้ออกจากป่า ก่อนชู “การเมืองใหม่” เดินเกมยึดที่ดิน “เหลือบ” คืนให้รัฐบาล-เพิ่มภาษีที่ดินราคาสูงแก้เผ็ด “นายทุน” งาบที่ดินมหาศาล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (16 พ.ย.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงการส่งเสด็จสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สู่สวรรคาลัย ว่า เมื่อวานนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก เพราะเป็นวันน้อมส่งเสด็จสมเด็จพระพี่นางฯ สู่สวรรคาลัย โดยคำว่าสวรรคาลัยนั้น เป็นคำสนธิกันระหว่างคำว่า สวรรค์ กับคำว่า อาลัย ซึ่งแปลว่าที่อยู่ นั่นก็คือ ที่อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือสวรรค์ชั้นที่สูงกว่านั้น
“เราจะเห็นว่า ในวันเกิดของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พสกนิกรสวมเสื้อสีเหลืองนับล้านๆ คน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทำให้คนเสื้อสีอื่นเป็นลมล้มพับแล้วพับอีก แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของระบอบพระมหากษัตริย์กับพสกนิกรของพระองค์มีช้านาน ซึ่งประชาชนนับล้านๆ คน มาในที่ที่สมควรมาโดยไม่ได้นัดหมาย ที่สำคัญเมื่อวานนี้ที่มีการปิดถนน ผมจึงได้เห็นถึงความเสียสละของคนในชาติที่สวมใส่เสื้อดำ และเสื้อขาว มาน้อมส่งเสด็จพระพี่นางฯ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า พระองค์จะเข้าถึงคนยากไร้ และเด็ก 9 ชนเผ่าที่ไร้สัญชาติ ที่สำคัญ พระองค์ทรงเป็นที่ปรึกษาให้กับคนยากไร้เท่ากับพระองค์อีกแล้ว” นายสมเกียรติ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่มีความคิดที่จะแบ่งแยก หรือโค่นล้มราชอาณาจักร เมื่อเขามาเห็นวันสำคัญทั้ง 2 วัน ดังที่ตนได้กล่าวมา อาจจะทำให้คนที่คิดอย่างนั้นสมองแตกตาย เพราะทำไม่ได้ และการที่พันธมิตรฯ ดำรงหน้าที่ของตัวเองอย่างมั่นคงมากว่า 6 เดือนนั้น ทำให้เห็นว่าเราทำหน้าที่เรื่องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว นอกจากนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ.2514 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบเรื่องประชาชนที่ยาก ไม่มีที่ดินทำกินจนเข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่า จึงมีกระแสพระราชดำรัชว่า การที่เราไปออกกฎหมาย แล้วไล่คนออกจากป่าจนเขาไม่มีที่อยู่ เท่ากับเอากฎหมายไปไล่ให้คนออกจากป่า ทั้งๆ ที่คนเขาอยู่มาอย่างถูกต้อง เพราะเขาอยู่กันมานานแล้ว นี่คือ พระปรีชาญาณของพระองค์
“วันนี้ผมจะพูดถึงเรื่องที่ดินทำกิน โดยเฉพาะภาคเหนือ เมื่อลองเอาจำนวนที่ดินที่มีอยู่ตั้ง แล้วหารด้วยจำนวนประชากรทั้งหมด คนหนึ่งก็จะได้ 6 ไร่กว่าๆ ถามว่าทำไมที่ดินของคนภาคเหนือจึงมีน้อยที่สุดในประเทศ นั่นเป็นเพราะภาคเหนือเป็นภาคที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในเรื่องภูเขา ผัก และป่าไม่ที่สมบูรณ์ จึงมีที่ราบ และแอ่งน้ำ น้อยมาก ทำให้จำนวนประชากรเมื่อหารเฉลี่ยกับที่ดินจึงมีน้อยมาก แต่ประชากรมีจิตใจที่ดีงาม สุภาพอ่อนโยน เพราะอยู่กับป่า ภาคเหนือจึงเป็นภูมิภาคที่สวยงามที่สุด” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนภาคอีสาน เป็นภาคที่มีที่ดินจำนวนมาก แต่แห้งแล้ง และถ้าเอาจำนวนประชากรหารแล้วจะได้คนละ 14 ไร่ ซึ่งปลูกพืชได้ผลผลิตต่ำ ฉะนั้นงบประมาณเรื่องฝนแล้งจึงเทไปที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งในปัจจุบันที่ดินของทุ่งกุลาร้องไห้เป็นดินเค็ม ทำให้เกิดข้าวหอมมะลิพันธุ์ 105 ซึ่งถือว่าเป็นข้าวที่หอมที่สุดในโลก โดยประเทศจีนรับซื้อไม่อั้น จากนั้นมีชาวต่างชาตินำเอาข้าวหอมมะลิไปตัดแต่งพันธุ์กรรม โดยเขาสามารถทำให้ข้าวหอมมะลิต้นเล็กลง และไม่ต้องการแดด ทำให้สิ่งที่เป็นสินค้าหลักของเรากำลังจะถูกทำลายลงไป จนตนต้องไปที่เกษตรวิสัย เพื่อประท้วงสหรัฐอเมริกา เพราะเขาเอาพันธุ์ข้าวหอมมะลิของเราไป
“เกษตรกรอีสาน ถึงแม้ว่าจะมีค่าเฉลี่ยคนต่อไร่น้อยมาก แต่ก็ยังมีทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งเปรียบเสมือนแผ่นดินทอง เพราะสามารถผลิตข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก โดยต่างประเทศถึงกับแย่งกันซื้อ จึงอยากขอร้องให้พันธมิตรฯ ทุกท่าน อย่ามองพี่น้องชาวอีสานในแง่ร้าย โดยจะต้องมองในแง่ของข้าวหอมมะลิ ซึ่งสำคัญมาก” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในขณะที่ภาคใต้มีประชากรน้อย และพื้นที่เป็นเขตร้อนชื้น เพราะฝนตกหนัก ซึ่งเหมาะกับการเพาะปลูกยางพารา ปาล์ม และปลูกสะตอซึ่งเป็นพืชที่ให้ผลผลิตสูง ส่งผลให้ชาวอีสาน และชาวเหนือ อพยพย้ายไปอยู่ภาคใต้ ที่สำคัญภาคใต้เป็นดินแดนที่เสียภาษีให้กับรัฐบาลมากที่สุด โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต สมควรที่จะได้เป็นมหานครแห่งภาคใต้ เพราะเป็นเมืองอิสระที่สามารถหล่อเลี้ยงคนไทยได้ทั้งชาติ เนื่องจากมีทั้งเมืองท่องเที่ยว และเป็นทั้งเมืองที่มีภาคผลิตที่ทันสมัย
“ส่วนภาคกลางนั้น ที่ถือว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่ดินเช่า ซึ่งตรงกับกระแสพระราชดำรัชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงระบุว่า คนเขาไปอยู่ในป่าก่อนแล้ว แต่เราไปออกกฎหมายไล่คนออกมา คล้ายๆ กับพระองค์ทรง อยากให้หน่วยงานราชการ และสังคมไทยช่วยกันคิดว่า จะแก้ปัญหาเพื่อความสงบสุขในชาติได้อย่างไร ที่สำคัญขณะนี้มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างผิดกฎหมายมากกว่า 10 ล้านคน ยกตัวอย่าง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จนเกิดคำขวัญว่า คนอยู่กับป่าได้ ทำให้คณะรัฐมนตรีมีมติออกมาว่า ให้คนอยู่กับป่าได้ ป่าจึงเกิดความร่วมเย็น และที่น่ายกย่อง คือ ชนเผ่ากระเหรี่ยง เพราะเขาช่วยกันรักษาป่าด้วยการไม่ตัดต้นไม้” นายสมเกียรติ ระบุ
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สังคมไทยขณะนี้ มีคนไทยอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มขูดรีดธรรมชาติด้วยการตัดไม้ทำลายป่า แล้วเอาที่ดินไปปลูกพืชล้มลุก จากนั้นก็ตั้งโรงเลื่อยทำลายป่าแล้วเอาที่ดินไปสร้างรีสอร์ท อีกทั้งยังไปกักน้ำในเขาใหญ่เพื่อเอาไปเลี้ยงรีสอร์ทที่มีนับพันๆ แห่ง แต่เมื่อน้ำมามากจนรับไม่ไหว เขาก็ปล่อยน้ำลงมาจนเกิดน้ำท่วม อ.ปากช่อง แต่รัฐบาลกลับไม่ยอมไปจัดการกับพวกที่สร้างรีสอร์ท หรือคนที่บุกรุกป่าซึ่งมีทั้งนายทหาร และพ่อค้าที่ร่ำรวย ซึ่งไปอาศัยอยู่บนภูเขาเป็นจำนวนมาก
“แต่การเมืองใหม่ของไทย ก็คือ การจัดการกับคนที่มีฐานทางสังคม แล้วไปบุกรุกที่ป่า ที่สำคัญคือ มีการติดป้ายว่าเป็นเจ้าของภูเขา ดังนั้นการเมืองใหม่ต้องนำที่ดินทั้งหมด ไปจัดสรรที่ดินทำกินให้กับประชาชนที่ยากไร้ ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด 2,860,000 ครอบครัว เพื่อให้เขาเหล่านั้นมีที่ดินทำกิน แล้วจำได้หรือไม่ เมื่อปี 2547 มีอยู่คนหนึ่งไปขอให้ประชาชนไปขึ้นทะเบียนคนจน 8,800,000 คน ซึ่งถ้าเราจัดที่ดินทำกินให้กับคนที่ยากไร้ ความร่มเย็นเป็นสุขก็จะเกิดขึ้น แต่จนถึงวันนี้การแบ่งที่ดินทำกินยังไปไม่ถึงไหนเลย ส่วนการเมืองใหม่ที่จะจัดการกับพวกที่มีที่ดินบนภูเขานั้น ก็คือ การเอาคืนกลับมาเป็นของรัฐบาล หรือเก็บภาษีคนที่มีที่ดินจำนวนมากในราคาแพง” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว