โฆษกกรมสุขภาพจิต ชี้ ยูเอ็นนำผู้ชายร่วมรณรงค์ลดความรุนแรงต่อผู้หญิง จะช่วยลดการใช้ความรุนแรงอย่างได้ผล ส่วนกรณีผู้หญิงเสี่ยงตกงานมากกว่าชายนั้น ไม่น่าห่วง เพราะผู้หญิงมีโอกาสได้งานมากกว่า แนะมองวิกฤตเป็นโอกาสให้นำความรู้กลับไปสร้างรายได้ที่บ้านเกิด ส่วนกรณีผลโพลระบุคนไทยสุขลดลงอย่าไปวิตก
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ว่า ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ชายถือเป็นเพศที่ครองอำนาจมาทุกยุคสมัย สาเหตุจากสรีระ และจิตวิทยาที่ผู้ชายได้เปรียบในทุกด้าน เปรียบเสมือนคนตัวใหญ่กว่ามักเอาเปรียบคนตัวเล็ก ในวันสตรีสากลปีนี้ ทางสหประชาชาติพยายามรณรงค์ความเท่าเทียมกันในชายหญิง โดยให้ผู้ชายออกมาร่วมรณรงค์ไม่ใช่ให้ฝ่ายหญิงออกมาเรียกร้องเพียงฝ่ายเดียว เพื่อหวังลดความรุนแรงที่มีอยู่ในมุมโลก และตนคิดว่าน่าจะได้ผล ส่วนในทางจิตวิทยาเอง ก็จะสร้างความสมดุล กล่าวคือ การสอนให้ผู้ชายรู้จักกตัญญูต่อผู้เป็นแม่ ให้รู้จักใช้ความนุ่มนวล หรือเป็นสุภาพบุรุษต่อผู้หญิง ก็จะช่วยสร้างความน่าอยู่ในสังคมต่อกัน
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงกรณีมีผู้หญิงจะถูกเลิกจ้างและตกงานมากกว่าชายว่า โดยส่วนใหญ่จำนวนผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ หรือโรงงานมักเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเลิกจ้างทำให้มองว่าจำนวนหญิงมากกว่าชาย แต่หากเกิดตกงานจริงๆ ตนอยากให้มองว่าผู้หญิงเป็นแรงงานที่มีทางเลือกหรือมีโอกาสทำงานได้มากกว่าผู้ชายเพราะงานบางประเภทไม่เหมาะสมกับผู้ชาย เช่น การนวดสปา การทำขนม การจักสาน งานประดิษฐ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ทางด้านจิตใจจะพบว่า ผู้หญิงจะมีความอดทนมากกว่าผู้ชาย สามารถรับภาระทั้งทำงานนอกบ้านและดูแลคนในบ้านไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ อยากให้แรงงานที่ถูกเลิกจ้างหันกลับไปภูมิลำเนาเดิม นำความรู้ที่ได้จากขณะที่ทำงานทั้งการอบรมด้านต่างๆ การบริหารจัดการ กลับไปพัฒนาในชนบทให้เจริญ แถมไม่ต้องแบกภาระที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนคอนโดมิเนียม การไม่ก่อหนี้ และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่มาก่อให้เกิดรายได้ รู้จักปรับตัว ประหยัด ก็สามารถจะดำรงชีวิตได้อย่างดี
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงผลสำรวจที่พบว่าความสุขของประชาชนในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงว่า เมื่อประชาชนได้รับรู้ข่าวว่าความสุขของคนไทยลดลง ให้กลับมาวิเคราะห์ตัวเองว่า ความสุขตัวเองเป็นอย่างไร อย่าวิตกกังวลไปตามผลสำรวจมากนัก เพราะแม้บางครั้งผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างจะพบว่าความสุขลด แต่ในระดับบุคคลอาจไม่เหมือนกัน บางหัวข้อที่สำรวจบางคนอาจสุขอยู่แต่บางคนอาจทุกข์ ทั้งในเชิงร่างกายและจิตใจ เชิงเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม ยกตัวอย่าง ถ้าพบว่าตนไม่สุขจากเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องปรับตัว และบอกกล่าวครอบครัว ให้ใช้น้อยลง หามากขึ้น หากไม่สุขกับความสัมพันธ์คนในครอบครัวก็หันมาดูแลเอาใจใส่ครอบครัวกันมากขึ้น หรือตอนเช้ารับข่าวสารว่าหุ้นต่างประเทศ บริษัทยักษ์ใหญ่ล้ม ส่งผลให้จิตใจห่อเหี่ยว เพราะกลัวส่งผลต่อประเทศไทย
แต่ในความแย่ ให้มองว่ายังมีอีกหลายบริษัทใหญ่ๆ ที่ดีอยู่ ถ้าเสียกำลังใจ ขอให้เลิกรับข้อมูลข่าวสารสักระยะ หันมาจัดการตัวเอง อย่าให้เครียดเกินไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้กรมสุขภาพจิตโดย นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพ ได้จัดโครงการดูแลประชาชนในยามวิกฤติเศรษฐกิจโดยใช้แนวคิด “อึด ฮึด สู้” คือ ให้รู้จักอดทน ไม่ทำร้ายตัวเองจากภาวะวิกฤติ นำพลังในตัวเองออกมา หรือให้ศึกษาคนที่ล้มเหลวจนผ่านความยากลำบาก ใช้พลังจิตใจตน คนในครอบครัว และเพื่อนร่วมกันต่อสู้เอาชนะปัญหา เพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ได้อย่างปกติสุข
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ว่า ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ชายถือเป็นเพศที่ครองอำนาจมาทุกยุคสมัย สาเหตุจากสรีระ และจิตวิทยาที่ผู้ชายได้เปรียบในทุกด้าน เปรียบเสมือนคนตัวใหญ่กว่ามักเอาเปรียบคนตัวเล็ก ในวันสตรีสากลปีนี้ ทางสหประชาชาติพยายามรณรงค์ความเท่าเทียมกันในชายหญิง โดยให้ผู้ชายออกมาร่วมรณรงค์ไม่ใช่ให้ฝ่ายหญิงออกมาเรียกร้องเพียงฝ่ายเดียว เพื่อหวังลดความรุนแรงที่มีอยู่ในมุมโลก และตนคิดว่าน่าจะได้ผล ส่วนในทางจิตวิทยาเอง ก็จะสร้างความสมดุล กล่าวคือ การสอนให้ผู้ชายรู้จักกตัญญูต่อผู้เป็นแม่ ให้รู้จักใช้ความนุ่มนวล หรือเป็นสุภาพบุรุษต่อผู้หญิง ก็จะช่วยสร้างความน่าอยู่ในสังคมต่อกัน
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงกรณีมีผู้หญิงจะถูกเลิกจ้างและตกงานมากกว่าชายว่า โดยส่วนใหญ่จำนวนผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ หรือโรงงานมักเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว เมื่อเกิดการเลิกจ้างทำให้มองว่าจำนวนหญิงมากกว่าชาย แต่หากเกิดตกงานจริงๆ ตนอยากให้มองว่าผู้หญิงเป็นแรงงานที่มีทางเลือกหรือมีโอกาสทำงานได้มากกว่าผู้ชายเพราะงานบางประเภทไม่เหมาะสมกับผู้ชาย เช่น การนวดสปา การทำขนม การจักสาน งานประดิษฐ์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากวิเคราะห์ทางด้านจิตใจจะพบว่า ผู้หญิงจะมีความอดทนมากกว่าผู้ชาย สามารถรับภาระทั้งทำงานนอกบ้านและดูแลคนในบ้านไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ อยากให้แรงงานที่ถูกเลิกจ้างหันกลับไปภูมิลำเนาเดิม นำความรู้ที่ได้จากขณะที่ทำงานทั้งการอบรมด้านต่างๆ การบริหารจัดการ กลับไปพัฒนาในชนบทให้เจริญ แถมไม่ต้องแบกภาระที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าเช่าบ้าน หรือผ่อนคอนโดมิเนียม การไม่ก่อหนี้ และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่มาก่อให้เกิดรายได้ รู้จักปรับตัว ประหยัด ก็สามารถจะดำรงชีวิตได้อย่างดี
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงผลสำรวจที่พบว่าความสุขของประชาชนในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงว่า เมื่อประชาชนได้รับรู้ข่าวว่าความสุขของคนไทยลดลง ให้กลับมาวิเคราะห์ตัวเองว่า ความสุขตัวเองเป็นอย่างไร อย่าวิตกกังวลไปตามผลสำรวจมากนัก เพราะแม้บางครั้งผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างจะพบว่าความสุขลด แต่ในระดับบุคคลอาจไม่เหมือนกัน บางหัวข้อที่สำรวจบางคนอาจสุขอยู่แต่บางคนอาจทุกข์ ทั้งในเชิงร่างกายและจิตใจ เชิงเศรษฐกิจ การเมือง หรือสังคม ยกตัวอย่าง ถ้าพบว่าตนไม่สุขจากเรื่องเศรษฐกิจก็ต้องปรับตัว และบอกกล่าวครอบครัว ให้ใช้น้อยลง หามากขึ้น หากไม่สุขกับความสัมพันธ์คนในครอบครัวก็หันมาดูแลเอาใจใส่ครอบครัวกันมากขึ้น หรือตอนเช้ารับข่าวสารว่าหุ้นต่างประเทศ บริษัทยักษ์ใหญ่ล้ม ส่งผลให้จิตใจห่อเหี่ยว เพราะกลัวส่งผลต่อประเทศไทย
แต่ในความแย่ ให้มองว่ายังมีอีกหลายบริษัทใหญ่ๆ ที่ดีอยู่ ถ้าเสียกำลังใจ ขอให้เลิกรับข้อมูลข่าวสารสักระยะ หันมาจัดการตัวเอง อย่าให้เครียดเกินไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้กรมสุขภาพจิตโดย นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพ ได้จัดโครงการดูแลประชาชนในยามวิกฤติเศรษฐกิจโดยใช้แนวคิด “อึด ฮึด สู้” คือ ให้รู้จักอดทน ไม่ทำร้ายตัวเองจากภาวะวิกฤติ นำพลังในตัวเองออกมา หรือให้ศึกษาคนที่ล้มเหลวจนผ่านความยากลำบาก ใช้พลังจิตใจตน คนในครอบครัว และเพื่อนร่วมกันต่อสู้เอาชนะปัญหา เพื่อดำรงชีวิตต่อไปให้ได้อย่างปกติสุข