สลด! พยาบาลลูกจ้างชั่วคราว รพ.ปทุมธานี ออกหน่วยฉุกเฉินกับรถพยาบาลซิ่งขึ้นขอบฟุตปาต แม้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ แต่ตัวเองโชคร้ายกระดูกคอเคลื่อน บุก สธ.ขอความเป็นธรรม ช่วยเหลือ หลังพักรักษาตัวแต่ถูกหักเงินเดือนเกลี้ยง ซ้ำไม่ได้รับเงินกองทุนทดแทนประกันสังคม เหตุโรงพยาบาลไม่ส่งเงินสมทบ
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ น.ส.พรรณพัชร ทรงมะลิ พยาบาลวิชาชีพ ลูกจ้างชั่วคราว รพ.ปทุมธานี ได้เดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม เนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ ปัจจุบัน น.ส.พรรณพัชร ต้องใช้เหล็กค้ำยันบริเวณคางและรอบหน้าอกไว้ตลอดเวลา
น.ส.พรรณพัชร กล่าวว่า ตนมีหน้าที่รับผิดชอบในหน่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน มาเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ซึ่งมีหน้าที่ต้องออกหน่วยฉุกเฉินกับรถพยาบาลเป็นครั้งคราว โดยในวันที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2551 ตนได้รับมอบหมายให้ออกปฏิบัติงานกับรถพยาบาลฉุกเฉิน โดยรถพยาบาลได้เร่งความเร็วเพื่อไปรับผู้ป่วยให้ทัน ด้วยความรีบรถได้ปีนขึ้นขอบฟุตปาต ทำให้รถกระชากอย่างเร็ว จนศรีษะของตนได้โยกไปข้างหน้าและหลังอย่างแรง เมื่อไปถึงบ้านผู้ป่วยตนได้ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยและนำส่งโรงพยาบาล แต่ขณะนั้นมีอาการปวดบริเวณต้นคออย่างมาก และเริ่มมีอาการชาตั้งแต่บ่า 2 ข้างจนถึงเท้าทั้ง 2 ข้าง
น.ส.พรรณพัชร กล่าวต่อว่า เมื่อให้แพทย์ตรวจพบว่า มีกระดูกต้นคอ ข้อที่ 6 และ 7 ยกห่างผิดปกติ เมื่อแพทย์กระดูกตรวจซ้ำก็ไม่พบว่าผิดปกติ แต่ตนมีอาการชามากกว่าเดิม เมื่อหยิกหลังมือ และขา ไม่มีความรู้สึก เมื่อแพทย์ตรวจซ้ำก็ไม่พบสาเหตุ และมีอาการหูข้างซ้ายได้ยินน้อยกว่าปกติ และกลืนลำบาก เพราะเส้นประสาทบวม แพทย์ได้ให้ยารับประทานร่วมกับให้ทำกายภาพบำบัด และแจ้งว่า ต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น ซึ่งตนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เพราะมีอาการปวดชา อย่างมาก และต้องหยุดพักฟื้นเป็นเวลาหลายวันด้วยกัน และขณะนี้ต้องใช้เวลาพักฟื้นเพื่อรอดูอาการว่าต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือไม่
“ตลอดการเข้ารักษาตัว ทำให้ถูกหักเงินจากการลาป่วย ครั้งแรก 6,757.33 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 4,751.29 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 2,159.68 บาท ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 ไม่มีมีเงินเดือนเข้าเลย เพราะตนเป็นเพียงพยาบาลลูกจ้างชั่วคราวยังไม่ได้รับการบรรจุ เมื่อลาเกิน 15 วัน ก็ถูกหักเงินเดือนทั้งที่การบาดเจ็บครั้งนี้ เป็นการบาดเจ็บจากหน้าที่การทำงาน และยังไม่สามารถขอรับเงินจากกองทุนเงินทดแทนได้ เพราะโรงพยาบาลอยู่ในรูปแบบรัฐ จึงไม่ได้จ่ายเงินสมทบ 2.75% เข้ากองทุนเงินทดแทน”น.ส.พรรณพัชร กล่าว
น.ส.พรรณพัชร กล่าวด้วยว่า ตนเรียนจบก็ตั้งใจอยากทำงานช่วยเหลือคนอื่น อยากใช้ความรู้ทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย แต่ขณะนี้โรงพยาบาลทำได้เพียงหาทางช่วยเหลือให้กลับไปทำงานที่พอจะทำได้ แต่สภาพร่างกายตนก็ไม่เอื้ออำนวย เพราะไม่สามารถนั่ง หรือ ยืน ได้นาน บางครั้งต้องมีคนช่วยเหลือ ต้องนอนกินข้าว การที่บาดเจ็บในหน้าที่แล้วโดนหักเงินเดือนทั้งหมด เมื่อพักรักษาตัว จึงทำให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะตนมีภาระทางบ้านที่ต้องดูแล จึงต้องการความช่วยเหลือจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย