ปลัดแรงงานเผยตั้งธนาคารแรงงานสปส.ทำเองไม่ได้ต้องผ่านระบบธนาคาร ห่วงเงินกองทุนฯไม่พอ ขณะที่เลขาธิการสปส.ระบุกฤษฎีกาเคยตีความแล้วไม่ใช้ภารกิจ ก.แรงงาน ส่วนอังคารนี้ ครม.พิจารณาขยายทุนประกันว่างงานจาก 6 เป็น 8 เดือน
นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงข้อเสนอ นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอแนวคิดให้รัฐบาลตั้งธนาคารแรงงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยให้นำเงินกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ 5 แสนล้านบาท แบ่งออกมาร้อยละ 10 หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างๆ โดยมีเงื่อนไขว่าธนาคารที่รับฝากต้องนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิก ซึ่งกองทุนประกันสังคมยังเป็นผู้รับประโยชน์จากเงินฝากเหมือนเดิม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้มีการศึกษาเรื่องนี้แล้วว่า เรื่องนี้คงต้องเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หากจะมีการดำเนินการจริงสำนักงานประกันสังคม (สปส.) คงจะไม่ดำเนินการเอง คงต้องผ่านระบบธนาคาร ซึ่งรายได้เมื่อปีที่แล้วของกองทุนประกันสังคมจำนวน 50,000 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 10,000 ล้านบาท ดังนั้นเหลือ 40,000 ล้านบาทจะเพียงพอดำเนินการหรือไม่ นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อังคารนี้ จะมีการพิจารณาตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ขยายทุนประกันการว่างงานขยายจาก 6 เดือน เป็น 8 เดือน เป็นเวลา 1 ปี ทราบว่ามีการบรรจุวาระเข้าครม.แล้ว
ด้านนายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการตั้งธนาคารแรงงานฯ ว่า แนวคิดดังกล่าวเคยมีมาแล้ว และ สปส. เคยทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งมีหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ภารกิจของกระทรวงที่จะทำเช่นนั้น ขณะที่ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความเชี่ยวชาญที่สำนักงานประกันสังคมมีไม่มากพอ เพราะการจัดตั้งธนาคารไม่ใช่ของเล่น และใช้เงินลงทุนสูงมาก อาจจะถึงหลักหมื่นล้านหรือแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในเรื่องของการนำเงินกองทุนฯ ไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทนิติบุคคล ก็อาจเป็นช่องทางในการซื้อหุ้นธนาคาร เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากและกำหนดนโยบาย ในการปล่อยกู้ให้กับลูกจ้างแทนได้
นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงข้อเสนอ นายณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอแนวคิดให้รัฐบาลตั้งธนาคารแรงงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยให้นำเงินกองทุนประกันสังคมที่มีอยู่ 5 แสนล้านบาท แบ่งออกมาร้อยละ 10 หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ไปฝากไว้ที่ธนาคารต่างๆ โดยมีเงื่อนไขว่าธนาคารที่รับฝากต้องนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิก ซึ่งกองทุนประกันสังคมยังเป็นผู้รับประโยชน์จากเงินฝากเหมือนเดิม ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้มีการศึกษาเรื่องนี้แล้วว่า เรื่องนี้คงต้องเป็นนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน หากจะมีการดำเนินการจริงสำนักงานประกันสังคม (สปส.) คงจะไม่ดำเนินการเอง คงต้องผ่านระบบธนาคาร ซึ่งรายได้เมื่อปีที่แล้วของกองทุนประกันสังคมจำนวน 50,000 ล้านบาท ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 10,000 ล้านบาท ดังนั้นเหลือ 40,000 ล้านบาทจะเพียงพอดำเนินการหรือไม่ นอกจากนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อังคารนี้ จะมีการพิจารณาตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ขยายทุนประกันการว่างงานขยายจาก 6 เดือน เป็น 8 เดือน เป็นเวลา 1 ปี ทราบว่ามีการบรรจุวาระเข้าครม.แล้ว
ด้านนายปั้น วรรณพินิจ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงการตั้งธนาคารแรงงานฯ ว่า แนวคิดดังกล่าวเคยมีมาแล้ว และ สปส. เคยทำหนังสือสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งมีหนังสือตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ภารกิจของกระทรวงที่จะทำเช่นนั้น ขณะที่ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความเชี่ยวชาญที่สำนักงานประกันสังคมมีไม่มากพอ เพราะการจัดตั้งธนาคารไม่ใช่ของเล่น และใช้เงินลงทุนสูงมาก อาจจะถึงหลักหมื่นล้านหรือแสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในเรื่องของการนำเงินกองทุนฯ ไปลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทนิติบุคคล ก็อาจเป็นช่องทางในการซื้อหุ้นธนาคาร เพื่อเป็นผู้ถือหุ้นเสียงข้างมากและกำหนดนโยบาย ในการปล่อยกู้ให้กับลูกจ้างแทนได้
