อภ.เตรียมผลิตยาจิตเวช 2 รายการ ขายถูกกว่าท้องตลาด 2-8 เท่า เหลือเม็ดละ 3-5 บาท เผย มีผู้ป่วย 1.2 ล้านคนที่ต้องการจะได้เข้าถึงครอบคลุม แถมได้ยามีคุณภาพราคาไม่แพง
วานนี้ (15 ม.ค.) นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.อยู่ระหว่างการผลิตยาจิตเวช 2 รายการ โดยภายในเดือนมกราคมนี้ อภ.จะสามารถจำหน่ายยารักษาโรคจิตเวชชื่อสามัญ คือ เซอร์ทราไลน์ (Sertraline) เป็นยารักษาโรคทางจิตเวชเรื้อรัง ราคา เม็ดละ 3-5 บาท ถูกกว่ายาที่นำเข้าจากบริษัทต่างประเทศประมาณ 40 บาทต่อเม็ด ขณะที่ยาชนิดเดียวกันที่มีบริษัทยาเอกชนภายในประเทศผลิตมีราคา 15 บาท เท่ากับว่า อภ.มีราคาถูกกว่า ซึ่งคุณภาพยาได้ผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แล้ว
นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้า อภ.จะจัดจำหน่ายยารักษาโรคทางจิตเวช รายการที่ 2 ชื่อสามัญ คือ ริสเพอริโดน (Risperidone) ซึ่งอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนจาก อย.เบื้องต้นกำหนดขายในราคาเม็ดละ 3-5 บาท ซึ่งยาดังกล่าวที่ผลิตจากต่างประเทศที่ขายในท้องตลาดสูงถึงเม็ดละ 20-30 บาท แต่ส่วนยาที่ผลิตในประเทศขาย 10 กว่าบาท ทั้งนี้ ยาทั้ง 2 รายการ เป็นยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว อภ.ได้นำวัตถุดิบยามาจากอินเดีย และผลิตในประเทศไทย ซึ่งทำมีราคายาที่ถูก สามารถทำให้ผู้ป่วยโรคจิตเวชได้เข้าถึงยามากขึ้น เพราะปัจจุบันภาระค่าใช้จ่ายด้านยาจิตเวชเป็นปัญหาอย่างมาก ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงยาได้
ด้านนพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ยาเซอร์ทราไลน์ เป็นยาต้านเศร้าใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ยาจะออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงและมีอาการข้างเคียงน้อย แต่เนื่องจากยาชนิดนี้มีราคาแพงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่ได้จัดยานี้ให้กับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จึงต้องให้ตัวยาอื่นที่มีราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพของยาไม่ดีเท่ากับยาตัวนี้ และมีผลข้างเคียงมาก ทั้งที่โรคซึมเศร้าหากรักษาด้วยการให้ยาควบคู่กับจิตบำบัดจะได้ผลดีมาก ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้าถึงยาเซอร์ทราไลน์เพียง 4.8 หมื่นคน จากจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 1.2 ล้านคน
นพ.วชิระ กล่าวว่า ส่วน ยาริสเพอริโดน เป็นยาต้านโรคจิตตัวใหม่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคจิตเวช ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงและมีผลข้างเตียงน้อยเช่นเดียวกัน ซึ่งประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาให้ยากลุ่มนี้ เป็นพื้นฐานในการรักษาผู้ป่วย แต่สำหรับประเทศยาชนิดนี้ ยังมีราคาแพง ผู้ป่วยจิตเวชจึงได้รับยาตัวเก่าที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างสูง ผู้ป่วยที่เข้าถึงยาตัวนี้มีน้อยมากไม่ถึง 5 % จากผู้ป่วยกว่า 6 แสนคน ทั้งนี้ หากเบื้องต้นสามารถดำเนินการให้ยา 2 ตัวนี้ มีราคาถูกลงนับว่าครอบคลุมผู้ป่วยจิตเวชรุนแรงและเรื้อรังให้เข้าถึงยาได้จำนวนมาก จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการให้ยาจิตเวชตัวอื่นมีราคาที่ถูกลง
“จากการรายงานของกรมทรัพย์สินทางปัญญาระบุทั้ง 2 ตัว ไม่ติดสิทธิบัตร หาก อภ.สามารถผลิตยาจิตเวชได้ในราคาถูกและมีประสิทธิภาพเท่าเทียมยาที่มีราคาแพง จะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อผู้ป่วย ช่วยให้ผ็ป่วยเข้าถึงยาจิตเวชที่มีคุณภาพ มีผลข้างเคียงต่ำแต่มีราคาถูก” นพ.วชิระ กล่าว
อนึ่ง ยาเซอร์ทราไลน์ ที่เป็นต้นตำรับ ราคาเม็ดละ 37 บาท จะมีค่าใช้จ่ายปีละ 13,505 บาทต่อคน หากอภ.ผลิตได้เองในราคาเม็ดละไม่เกิน 5 บาท ราคาปีละไม่เกิน 1,825 บาทต่อคน ขณะที่ยาริสเพอริโดน ยาต้นตำรับเม็ดละ 58 บาท ต้องทานวันละ 2 เม็ด ค่าใช้จ่ายวันละ 116 บาทต่อคน คิดเป็นปีละ 42,340 บาทต่อคน แต่ถ้าหาก อภ.ผลิตเองในราคาเม็ดละ 4 บาท ค่าใช้จ่ายวันละไม่เกิน 8 บาทต่อคน ปีละไม่เกิน 2,920 บาทต่อคน
