xs
xsm
sm
md
lg

ตรวจปัญหาเด็กไทย…ในวันเด็กแห่งชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี" นั่นคือคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้มอบให้เอาไว้ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นคำขวัญที่เด็กๆ สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม เราคงต้องยอมรับความเป็นจริงกันว่า ณ เวลานี้ และในพ.ศ.ใหม่นี้ เด็กและเยาวชนไทยยังคงมีปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไขเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาแม่วัยรุ่น เด็กอายุต่ำกว่า 19 ปีมีการทำคลอดสูงขึ้น ปัญหาเด็กถูกส่งเข้าสถานพินิจและคุ้มครองเด็กมากขึ้น เด็กไทยมีภาวะเครียดเพิ่มขึ้น เด็กไม่ชอบไปโรงเรียนมากขึ้น ฯลฯ

และนี่คือโจทย์ที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ก่อนที่แผลเล็กๆจะขยายลุกลามกลายเป็นแผลเรื้อรังจนมิอาจรักษาให้หายขาดได้อีกต่อไป

** จุดเริ่มต้นคือครอบครัว
พญ.พรรณพิมล หล่อตระกูล
ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล ให้ความเห็นว่าปัญหาเกี่ยวกับเด็กที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นผลกระทบที่สืบเนื่องมาจากปัญหาครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจก็จะยิ่งส่งผลกระทบเรื่องในครอบครัวมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เด็กจึงได้รับผลกระทบจากภาวะที่เกิดนี้ด้วย เมื่อมองปัญหาเรื่องเด็กสามารถมองได้ คือ ปัญหาที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่ไปส่งผลกับปัญหาเรื่องเด็ก มีอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ ปัญหาเรื่องครอบครัว ปัญหาเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ซึ่งมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น และปัญหาเรื่องสื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็ก โดยเฉพาะสื่อ ข้อมูลข่าวสารที่เด็กได้รับโดยตรง

ทั้งนี้ ถ้าย้อนมามองที่ตัวเด็กปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กคือ ความรุนแรงในเด็ก ทั้งความรุนแรงที่เด็กก่อขึ้น และเด็กเป็นผู้ถูกกระทำ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลมาจากสิ่งแวดล้อม และครอบครัว นอกจากนี้ยังมีการเลียนแบบพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงในตัวเด็ก เช่น เรื่องอาชญากรรม การกระทำความผิด การเข้าไปสู่วงจรอบายมุขและยาเสพติดที่ยังเป็นปัญหากับเด็กอยู่

อย่างไรก็ตามใช่ว่าจะมีแต่ปัญหาโดยไม่มีทางเยียวยาหรือรักษาได้ คุณหมอได้บอกว่าต้องอาศัย 2 องค์ประกอบ คือ 1. การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นโดยตัวเด็กเอง เด็กทุกคนมีความสามารถที่จะเรียนรู้และปกป้องตัวเอง ซึ่งการเรียนรู้ของเด็กมาจาก 2 ระบบด้วยกัน คือ การเรียนรู้จากระบบโรงเรียน และการเรียนรู้จากภาวะแวดล้อม ได้แก่ เรื่องของครอบครัว พื้นที่ทางสังคม และ2.พื้นที่เรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็ก

“ตัวระบบหลักที่จะดูแลเด็กได้ดีที่สุด คือระบบครอบครัว การดูแลให้ครอบครัวมีความสามารถดูแลเด็กได้ยังเป็นพื้นฐานสำคัญ พร้อมกันนี้เราต้องเปิดพื้นที่เรียนรู้ที่สร้างสรรค์สำหรับเด็ก เพราะเด็กมีความสามารถในการเรียนรู้ในสิ่งที่ดี ถ้าอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ถ้ามองรอบๆ เรามีพื้นที่เรียนรู้สำหรับเด็กมากแค่ไหน เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์สำหรับเด็กแบบไม่ต้องใช้เงินกี่แห่ง พ่อแม่ต้องจ่ายเงินมากเด็กจึงได้เข้าถึงการเรียนรู้ที่ดีบนพื้นที่ที่ดี ในสังคมไทยมีคนขยันจัดกิจกรรมดีๆ เกี่ยวกับการเรียนรู้ของเด็กน้อยมาก การเปิดพื้นที่การเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็กเป็นหน้าที่ของคนในสังคม คนในชุมชนที่จะช่วยกันสร้างพื้นที่ตรงนี้ให้กับเด็ก อย่างเพียงพอกับเด็กทุกช่วงวัย”

คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับปัญหาเกี่ยวกับเด็กที่ลดน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องสภาพความเป็นอยู่ทางด้านร่างกาย เช่น เรื่องสุขภาพร่างกายโดยรวมที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น ภาวะ การเจ็บป่วย สุขภาพด้านสาธารณสุขพื้นฐาน เนื่องจากทางการแพทย์มีการพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น จึงทำให้ปัญหาด้านนี้น่าเป็นห่วงน้อยลง

** ต้องเข้าใจและเปิดพื้นการเรียนรู้ให้เด็ก
“ต้องถามก่อนว่าเด็กคือเด็ก เด็กคือทรัพยากรของชาติ ถ้าเราจะเก็บเกี่ยวเค้าเรา ต้องใส่ปุ๋ยพรวนดินให้ดี ถ้าเราขาดการดูแลเอาใจใส่เค้า เค้าจะมาทำร้ายเรา”


นี่คือคำพูดของ “พี่ไข่” ฉัตรชัย เชื้อรามัญ หัวหน้าเครือข่ายขบวนการตาสับปะรด ซึ่งเป็นเครือข่ายเกี่ยวกับเด็กทำสื่อ และตัว “พี่ไข่”เองก็ทำงานด้านสื่อเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมานานจึงมีข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องเด็กมากมาย โดย “พี่ไข่”ได้กล่าวถึงวิกฤติที่น่าเป็นห่วงเกี่ยวกับเด็กในปี 2552ว่าปัญหาเรื่องแรกคือเด็กเบื่อเรียน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ 2.ปัญหาเด็กไม่มีที่ไป ทำให้เด็กเคว้งคว้าง เนื่องจากไม่มีพื้นที่สำหรับเขา พื้นที่ของเขาคือโรงเรียนเมื่อเด็กหนีเรียนแล้วไม่มีที่ไป ไม่มีกระบวนการ องค์กร หน่วยงานรับผิดชอบเรื่องนี้ ไม่มีการลงทุนให้เด็กได้แสดงออก 3.กระบวนการพัฒนาของเด็ก เด็กต้องการการเรียนรู้พัฒนาไม่มีเวทีการเรียนรู้ พื้นที่ที่จะจัดสรร ที่จะจัดการให้เด็ก ประเด็นสุดท้ายรัฐไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีในการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชน

“เด็กต้องการการเรียนรู้แต่เรามองการเรียนรู้ของเด็กอยู่แต่ในโรงเรียน เมื่อเด็กเบื่อโรงเรียนเบื่อกิจกรรมในโรงเรียน แต่เด็กยังต้องการกระบวนการเรียนรู้ซึ่งมีอยู่ตามวัยของเค้า ดังนั้นเด็กต้องดิ้นรนหาพื้นที่ของเค้าเอง เด็กไปทำอะไรที่ไหนที่เราก็ไม่รู้และนี่คือปัญหาที่เราทำงานยากขึ้น แต่ก็มีปัญหาที่ไม่เกี่ยวกับเด็กโดยตรงแต่เป็นผลเกี่ยวเนื่องกับเด็กคือกระบวนการบริโภคนิยม ที่โหมไปที่เด็ก เพราะเด็กคือกลุ่มเป้าหมายใหญ่ในการบริโภค”

สำหรับทางแก้ที่สำคัญคือสื่อ รัฐไม่ได้ใช้เครื่องมือที่จะทำให้เด็กไปในทิศทางที่ถูกที่ควร ไม่ได้ใช้สื่อในการชี้บอกเสนอ วิธีแก้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายแห่งรัฐ ณ ปัจจุบันนี้นโยบายแห่งรัฐใช้สื่อไม่ชัดเจน ควบคุมไม่ได้ เข้าไม่ถึงดูแลไม่ สื่อก็กลายเป็นบริโภคนิยม จึงไปสอดคล้องกับกระบวนการใช้เด็กเป็นเหยื่อเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็น มือมือ ทีวี อินเทอร์เน็ต ความรุนแรงเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้นในปี 2552

** สื่อ อบายมุขตัวเร่งปัญหาในครอบครัว
ขณะที่ “พี่ปู” วันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ผู้ซึ่งคลุกคลีและทำงานเกี่ยวกับสถาบันครอบครัวโดยตรงได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายครอบครัวและปัญหาเกี่ยวกับเด็กว่า เครือข่ายครอบครัวมาจากกลุ่มครอบครัวในพื้นที่ต่างๆเพื่อ ขจัดสิ่งร้ายๆหรือที่กระทบต่อสถาบันครอบครัว โดยช่วงแรกๆมาจากครอบครัวในกรุงเทพฯ ช่วงหลังได้มีการจัดระบบต่างๆมากขึ้น เช่น เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษาหลายโรงเรียนใน กทม.และเครือข่ายครอบครัวที่มีกลุ่มเฉพาะ เช่น พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายครอบครัวมองเรื่องประเด็นสื่อเป็นหลักโดยเฉพาะสื่อทีวี ที่เด่นชัดคือการผลักดันให้มีการทำเรตติ้งทีวี ตอนนี้ระบบเรตติ้งก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อทางเครือข่ายฯ ประชุมกันจะพูดเรื่องเด็กเยอะมาก เรื่องแรกคือการศึกษา เรื่องที่สองคือสื่อที่กระทบต่อเด็กและเยาวชน จึงมีการจัดเรตติ้งขึ้นมาเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเด็กมากนัก และเพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้ว่าสื่อไหนที่เหมาะสม กระทบหรือไม่กระทบเด็ก และสามารถดูแลบุตรหลานได้

อย่างไรก็ตามพี่ปู กล่าวว่า ในปีนี้และปีต่อๆไป ประเด็นเรื่องอบายมุข คือ เรื่องที่กระทบต่อเด็ก เยาวชนและครอบครัวเป็นอย่างมาก ทั้งการดื่มเอลกอฮอล์ การพนัน การเที่ยวกลางคืน ตอนนี้ทางเครือข่ายครอบครัวได้คุยกันเพื่อทำให้สิ่งเหล่านี้ลดน้อยลงให้ได้

“โดยอบายมุขมี 2 สิ่งที่กระทบมากๆคือเรื่องแอลกอฮอล์ กับการพนัน แอลกอฮอล์มีเครือข่ายองค์กรงดเหล้ารณรงค์อยู่ แต่เรื่องการพนันไม่มีองค์กรใดจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตอนนี้ที่เรากำลังรณรงค์อย่างหนักคือเรื่องหวย ทั้งหวยใต้ดินหวยบนดินหรือออนไลน์ จากครอบครัวเราพบว่าคนไทยประมาณ 30 ล้านคน เกี่ยวข้องกับหวยมาดที่สุด เราต้องรณรงค์เรื่องนี้ก่อน เครือข่ายครอบครัวก็กระจายไปต่างจังหวัดและ มีหลายจังหวัดที่เข้ามาเป็นสมาชิก”

นี่อาจจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของปัญหาเกี่ยวกับเด็กที่จะเกิดขึ้นในปี2552 แต่ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ ถ้าสถาบันครอบครัว สังคมไม่หันมาดูแลเอาใจใส่เด็กซึ่งจะกลายเป็นอนาคตของชาติในวันหน้า ถ้าเด็กในวันนี้ไม่มีศักยภาพแล้วประเทศชาติในวันข้างหน้าจะไปรอดได้หรือไม่ ลองหันมาให้ความรัก ความอบอุ่นแก่บุตรหลานของท่านโดยเริ่มในวันเด็กแห่งชาตินี้ก็ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น