ปภ.สรุปผล วันแรกช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 52 เกิดอุบัติเหตุแล้ว 596 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 56 ราย บาดเจ็บ 635 ราย ตายสูงสุดที่ พิษณุโลก 4 ราย ภาพรวมอุบัติเหตุเพิ่มจากปีที่แล้ว
วันนี้ ( 31 ธ.ค.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย สรุปอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตรายของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 วันแรก 30 ธ.ค.51 เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 596 ครั้ง โดย จ.เชียงราย เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 28 ครั้ง รองลงมาคือ จ.เพชรบูรณ์ และอุดรธานี
มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 56 ราย โดยจ.พิษณุโลก เสียชีวิตสูงสุด 4 ราย รองลงมาคือ กทม. ,ชัยนาท, ชัยภูมิ เชียงราย และอำนาจเจริญ เสียชีวิตจังหวัดละ 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 635 ราย โดย จ.เชียงราย มีผู้บาดเจ็บสูงสุด 32 ราย รองลงมาคือ จ.เพชรบูรณ์ และ นครราชสีมา
สำหรับภาพรวมเหตุวันแรกในช่วง 7 วันอันตรายปีนี้สูงกว่าปีที่แล้วโดยสาเหตุหลักยังมาจากเมาสุราร้อยละ 38.26 รองลงมาคือขับรถเร็วเกินกำหนดและจักรยานยนต์เป็นรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
ปภ.เผย 7 วันอันตราย วันแรกเกิดอุบัติเหตุ 596 ครั้งบาดเจ็บ635 ราย และเสียชีวิต 56 ราย มากกว่าปี51 เชียงรายเชมป์สูงสุดทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต สั่งการจว.ปรับแผนตั้งจุดตรวจเน้นถนนสายรอง
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่าศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 52 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนในวันแรกของการเดินทางช่วง 7 วัน ระวังอันตราย พบว่า เกิดอุบัติเหตุรวม 596 ครั้ง มากกว่าปี 51 เพิ่มขึ้น 156 ครั้ง ร้อยละ 35.45 ผู้เสียชีวิต 56 คน มากกว่าปี 51 เพิ่มขึ้น 27 ราย ร้อยละ 69.70 ผู้บาดเจ็บ 635 คน มากกว่าปี 51 เพิ่มขึ้น 157 คน ร้อยละ 32.85
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือการเมาสุรา ร้อยละ 38.26 รองลงมาขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.98 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 86.09 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 57.09 บนถนน อบต. หมู่บ้าน ร้อยละ 35.23 และถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 33.72 และช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด เป็นช่วงกลางคืน ร้อยละ 70.47 โดยเฉพาะช่วงเวลา 16.01-20.00 น ซึ่งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน อายุ 25-49 ปี
นายสุรชัย กล่าวต่อว่า จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ พิษณุโลก 4 คน รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพฯ ชัยนาท ชัยภูมิ อำนาจเจริญ เชียงราย จังหวัดละ 3 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 39 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือเชียงราย 32 คน รองลงมาคือเพชรบูรณ์ 29 คน และจังหวัดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ 5 จังหวัด คือ สิงห์บุรี ยโสธร สกลนคร พังงา และชุมพร จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เชียงราย 28 ครั้ง รองลงมา เพชรบูรณ์ 26 ครั้ง จังหวัดที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุจำนวน 3จังหวัด คือ ยโสธร สกลนคร และพังงา
นายสุรชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปี 2551 คาดว่า จะมีประชาชนเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ตามสถานที่ต่างๆ จำนวนมาก จากสถิติอุบัติเหตุทางถนน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า วันที่ 31 ธ.ค.ของทุกปี เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ประกอบกับประชาชนเริ่มทยอยเดินทางถึงภูมิลำเนา และสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว จึงได้ประสานให้จังหวัดปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจและจัดชุดสายตรวจตระเวนในพื้นที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาในแต่ละพื้นที่ โดยเน้นหนักเส้นทางสายรอง ทางเข้าออกชุมชน หมู่บ้าน และบริเวณใกล้สถานบันเทิงในช่วงกลางคืน เน้นการเรียกตรวจรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เพื่อตรวจจับผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทั้งการเมาแล้วขับและการไม่สวมหมวกนิรภัย พร้อมกำชับจุดสกัดภายในชุมชน หมู่บ้าน กว่า 16,156 จุดทั่วประเทศ กวดขันให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะเป็นพิเศษ รวมทั้งดูแลบุตรหลานมิให้ขับขี่รถด้วยความคึกคะนอง หากพบผู้มีอาการเมาแล้วขับจะกักตัวไว้ และดำเนินคดีกับผู้ปกครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546
ด้านนายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการควบคุมการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากการเมาแล้วขับในกลุ่มเยาวชน ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสรรพสามิต กวดขันร้านค้าให้งดจำหน่ายสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีและควบคุมการจำหน่ายสุราในช่วงเวลา 11.00-14.00 น. และ เวลา 17.00-24.00 น. รวมทั้งห้ามจำหน่ายสุรา ในสถานีบริการน้ำมัน และบริเวณวัดโดยเด็ดขาด ตลอดจนขอเตือนผู้ที่จะไปเฉลิมฉลองในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ในคืนนี้ หากดื่มสุรา ห้ามขับรถด้วยตนเอง ให้เพื่อนที่ไม่ดื่มขับแทน หรือใช้บริการรถโดยสารสาธารณะจะปลอดภัยมากกว่า หากตรวจพบว่าเมาแล้วขับ ถูกจำคุก 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ถูกจำคุก 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท ที่สำคัญ ขอเตือนประชาชนที่เดินทางในช่วงกลางคืน และบริเวณที่มีหมอกลงจัด เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะเป็นพิเศษ เนื่องจากทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีจึงเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้มากขึ้น