สพฐ.สั่งครูตระเวนเยี่ยมบ้านนักเรียนในเดือนมิถุนายน เพื่อดูความเป็นอยู่ของนักเรียน สานความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง เพื่อช่วยนักเรียนหากได้รับความเดือดร้อน แก้ปัญหาพฤติกรรมเด็ก ด้าน ผอ.นพพล แย้มตรวจฉี่นักเรียนทุกคนเพื่อหาสารเสพติด และจับมือ ตำรวจ ให้มาสอนนักเรียน ใช้เป็นเกาะคุ้มครองเด็ก จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดี
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีนโยบายให้โรงเรียนมีระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน โดยให้ครูทุกคนเป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กนักเรียนในแต่ละห้องแต่ละชั้นเรียน ขณะเดียวกันให้ครูจัดเวลาพบปะเด็กอย่างต่อเนื่อง และหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนบ้านนักเรียน
เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวของนักเรียน นักเรียน และครู อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองในการที่จะช่วยกันดูแลและช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งจะทำให้ปัญหาพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของเด็กน้อยลงได้
โดยในปีการศึกษา 2551 ทาง สพฐ.ได้ดำเนินการอบรมครูเกี่ยวกับการช่วยเหลือดูแลเด็กนักเรียนไปแล้วทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมกับกำหนดให้ทุกโรงเรียนจัดกิจกรรมการเยี่ยมบ้านนักเรียนระหว่างวันที่ 7-15 มิถุนายน และให้โรงเรียนเชิญชวนผู้ใหญ่ในชุมชน ตำบล หรือจังหวัด เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และภรรยา นายกเหล่ากาชาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปร่วมเยี่ยมบ้านนักเรียนด้วย เพราะการไปเยี่ยมบ้านนักเรียน จะเห็นความเดือนร้อนหรือสภาพความเป็นอยู่อย่างแท้จริงของเด็กที่เผชิญอยู่ รวมถึงรับข้อมูลจากผู้ปกครองด้วยว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับการศึกษาไทย หรือว่าอยากให้ช่วยเหลือด้านใดบ้าง
“รัฐมนตรีทั้ง 3 ท่าน พร้อมผู้บริหารของ ศธ.จากส่วนกลาง เต็มใจที่จะไปเยี่ยมบ้านนักเรียนด้วย โดยจะไปร่วมกับทางโรงเรียน จะได้สัมผัสกับธรรมชาติว่านักเรียนอยู่อย่างไร และผู้ปกครองมีความคิดต่อการศึกษาอย่างไร การไปพบเห็นจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลเด็กนักเรียนต่อไป” เลขาฯ กพฐ.ระบุ
ด้าน นายนพพล เหลาชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการให้อาจารย์ลงพื้นที่ เพื่อดูแลนักเรียนเป็นระยะๆ สำหรับโรงเรียนเรามีระบบเครือข่ายพ่อแม่ ผู้ปกครอง ซึ่งเขาจะช่วยสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันจะเลือกตัวแทนผู้ปกครองชั้นละ 5 ท่าน หากพบว่าเด็กเดือดร้อนจะลงไปพูดคุยว่ามีปัญหาอะไร จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน หรือบางครั้งเวลาจะให้ทุนเด็กยากจน ครู กับเครือข่ายผู้ปกครอง จะไปดูแลความเป็นอยู่และพิจารณาว่าเหมาะที่จะได้รับทุนหรือไม่ เพื่อให้ทุนนั้นไปถึงมือเด็กที่ยากจนและมีความจำเป็นจริง เด็กบางรายเห็นว่าจนมาก และยังช่วยเหลือให้มีอาหารกลางวันแก่เด็กด้วย
เมื่อถามถึงเด็กสุ่มเสี่ยง นายนพพล กล่าวว่า ก่อนเปิดเทอมซึ่งมีเด็กเข้าใหม่ชั้น ม. 1 และ ม. 4 เราจะมีระบบตรวจสอบปัสสาวะเด็กทุกคน เพื่อหาสารเสพติด แต่จากการตรวจสอบยังไม่เคยปรากฏว่าเด็กมีสารเสพติด อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนได้รายงานผลการตรวจไปยังผู้ปกครอง เขตพื้นที่การศึกษา
อย่างไรก็ตาม นักเรียนของเราส่วนใหญ่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกเป็นเหยื่อจากผู้ไม่หวังดี จึงได้จับมือกับตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ครูตำรวจมาสอนนักเรียนของเรา ซึ่งเป็นการสร้างความใกล้ชิดระหว่างนักเรียนกับตำรวจ หากมีสิ่งผิดปกติหรือใครมาชักชวนไปในทางที่ไม่ดี นักเรียนเขาจะไม่คะเขิน และกล้าที่จะบอกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วิธีนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี ที่สำคัญเป็นประโยชน์แก่เด็กมากกว่าผลเสีย นอกจากนี้ ในระหว่างปิดเทอมสถานีตำรวจบางแห่งยังรับนักเรียนของเราไปฝึกงานอีกด้วย
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีนโยบายให้โรงเรียนมีระบบช่วยเหลือดูแลนักเรียน โดยให้ครูทุกคนเป็นที่ปรึกษาให้กับเด็กนักเรียนในแต่ละห้องแต่ละชั้นเรียน ขณะเดียวกันให้ครูจัดเวลาพบปะเด็กอย่างต่อเนื่อง และหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนบ้านนักเรียน
เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครอบครัวของนักเรียน นักเรียน และครู อีกทั้งยังส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งเครือข่ายผู้ปกครองในการที่จะช่วยกันดูแลและช่วยเหลือนักเรียน ซึ่งจะทำให้ปัญหาพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของเด็กน้อยลงได้
โดยในปีการศึกษา 2551 ทาง สพฐ.ได้ดำเนินการอบรมครูเกี่ยวกับการช่วยเหลือดูแลเด็กนักเรียนไปแล้วทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมกับกำหนดให้ทุกโรงเรียนจัดกิจกรรมการเยี่ยมบ้านนักเรียนระหว่างวันที่ 7-15 มิถุนายน และให้โรงเรียนเชิญชวนผู้ใหญ่ในชุมชน ตำบล หรือจังหวัด เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และภรรยา นายกเหล่ากาชาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปร่วมเยี่ยมบ้านนักเรียนด้วย เพราะการไปเยี่ยมบ้านนักเรียน จะเห็นความเดือนร้อนหรือสภาพความเป็นอยู่อย่างแท้จริงของเด็กที่เผชิญอยู่ รวมถึงรับข้อมูลจากผู้ปกครองด้วยว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรกับการศึกษาไทย หรือว่าอยากให้ช่วยเหลือด้านใดบ้าง
“รัฐมนตรีทั้ง 3 ท่าน พร้อมผู้บริหารของ ศธ.จากส่วนกลาง เต็มใจที่จะไปเยี่ยมบ้านนักเรียนด้วย โดยจะไปร่วมกับทางโรงเรียน จะได้สัมผัสกับธรรมชาติว่านักเรียนอยู่อย่างไร และผู้ปกครองมีความคิดต่อการศึกษาอย่างไร การไปพบเห็นจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลเด็กนักเรียนต่อไป” เลขาฯ กพฐ.ระบุ
ด้าน นายนพพล เหลาชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดมกุฏกษัตริย์ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการให้อาจารย์ลงพื้นที่ เพื่อดูแลนักเรียนเป็นระยะๆ สำหรับโรงเรียนเรามีระบบเครือข่ายพ่อแม่ ผู้ปกครอง ซึ่งเขาจะช่วยสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันจะเลือกตัวแทนผู้ปกครองชั้นละ 5 ท่าน หากพบว่าเด็กเดือดร้อนจะลงไปพูดคุยว่ามีปัญหาอะไร จะได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน หรือบางครั้งเวลาจะให้ทุนเด็กยากจน ครู กับเครือข่ายผู้ปกครอง จะไปดูแลความเป็นอยู่และพิจารณาว่าเหมาะที่จะได้รับทุนหรือไม่ เพื่อให้ทุนนั้นไปถึงมือเด็กที่ยากจนและมีความจำเป็นจริง เด็กบางรายเห็นว่าจนมาก และยังช่วยเหลือให้มีอาหารกลางวันแก่เด็กด้วย
เมื่อถามถึงเด็กสุ่มเสี่ยง นายนพพล กล่าวว่า ก่อนเปิดเทอมซึ่งมีเด็กเข้าใหม่ชั้น ม. 1 และ ม. 4 เราจะมีระบบตรวจสอบปัสสาวะเด็กทุกคน เพื่อหาสารเสพติด แต่จากการตรวจสอบยังไม่เคยปรากฏว่าเด็กมีสารเสพติด อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนได้รายงานผลการตรวจไปยังผู้ปกครอง เขตพื้นที่การศึกษา
อย่างไรก็ตาม นักเรียนของเราส่วนใหญ่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกเป็นเหยื่อจากผู้ไม่หวังดี จึงได้จับมือกับตำรวจ สน.นางเลิ้ง เพื่อให้ครูตำรวจมาสอนนักเรียนของเรา ซึ่งเป็นการสร้างความใกล้ชิดระหว่างนักเรียนกับตำรวจ หากมีสิ่งผิดปกติหรือใครมาชักชวนไปในทางที่ไม่ดี นักเรียนเขาจะไม่คะเขิน และกล้าที่จะบอกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วิธีนี้ถือว่าเป็นโครงการที่ดี ที่สำคัญเป็นประโยชน์แก่เด็กมากกว่าผลเสีย นอกจากนี้ ในระหว่างปิดเทอมสถานีตำรวจบางแห่งยังรับนักเรียนของเราไปฝึกงานอีกด้วย
