xs
xsm
sm
md
lg

“แก้วสรร” สะใจหมอดูระบุผู้สมัครอิสระได้เก้าอี้ผู้ว่าฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแก้วสรร อติโพธิ
“แก้วสรร” สะใจหมอดูหักล้างผลโพลผู้สมัครอิสระคว้าตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมชูนโยบายปฏิรูปการศึกษาใช้อังกฤษ-สิงคโปร์เป็นต้นแบบ ทำ 435 แห่งให้สำเร็จใน 4 ปี เตรียมตั้งองค์กรอิสระคุมมาตรฐานการศึกษาโรงเรียน กทม.พร้อมเป็นต้นแบบให้โรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ

วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ลานอเนกประสงค์ ยูเซ็นเตอร์ ซ.จุฬา 42 นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 12 กลุ่มกรุงเทพฯ ใหม่ แถลงนโยบายปฏิรูปโรงเรียน กทม. พร้อมเปิดตัวหนังสือน้อย “กรุงเทพฯ ใหม่ กับการปฏิรูปโรงเรียน กทม.” โดยนายแก้วสรร กล่าวว่า ตนและทีมงานกรุงเทพฯ ใหม่ได้ศึกษาแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของประเทศอังกฤษในสมัยที่นายโทนี แบลร์ (Tony Blair) เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งประเทศสิงคโปร์ได้ปฏิรูปการศึกษาพร้อมกับประเทศอังกฤษโดยสิงคโปร์ใช้เวลา 4 ปีในการดำเนินการดังกล่าวจึงประสบความสำเร็จ ดังนั้น ตนจึงได้นำระบบดังกล่าวมาปรับให้เหมาะสมกับโรงเรียน กทม. ซึ่งในแนวทางนี้อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสาธิตแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์จากจุฬาฯ ก็เห็นด้วยที่ กทม.จะเป็นแกนนำที่จะนำแนวทางดังกล่าวมาปรับใช้ซึ่งหากประสบผลสำเร็จตรงนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการศึกษาระดับประถมศึกษาที่ทันสมัยที่สุดในโลกและจะเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศได้ดูเป็นแบบอย่าง

นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า สำหรับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงเพื่อพัฒนาโรงเรียนของตนนั้นประกอบด้วย 1.ค้นหาและพัฒนาผู้มีความสามารถในการเป็นครู 2.สร้างระบบการเรียนการสอนที่ดี 3.สร้างโอกาสและขยายทางเลือกในการเรียนรู้ 4.บริหารจัดการที่ดี 5.จัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาจะเน้นไปที่ 3 ครู ได้แก่ 1.ครูปัจจุบัน โดยพัฒนาตั้งแต่ระบบคัดสรร การเตียมความพร้อมให้ผู้ที่จะมาเป็นครู สร้างวงจรพัฒนาครู เน้นการสร้างเครื่องมือให้ครูพัฒนาตนเอง 2.ครูใหญ่ จะมีการสร้างระบบคัดสรรเพื่อให้ได้ครูที่สอนเก่งเป็นครูใหญ่ และ 3.ครูโฉมใหม่ จะเป็นการสร้างครูแบบใหม่โดยดึงคนเก่งจากสาขาต่างๆมาเป็นครูเพื่อจุดแรงบันดาลใจในวิชาชีพครูและสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับครูไทยโดยแนวคิดนี้จะต้องเป็นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม หากตนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.ตนจะดำเนินการตามยุทธศาสตร์นี้พร้อมกันทั้ง 435 โรงเรียนซึ่งจะเห็นผลสำเร็จภายใน 4 ปี โดยเด็กกทม.จะเก่งขึ้นมีช่องว่างระหว่างเด็กน้อยลง ครู กทม.สุขมากขึ้น โดยทีมงานที่จะมาดูแลด้านการศึกษาของตนนั้นได้มีการทาบทามไว้แล้ว 2-3 คนล้วนแต่เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพทางการศึกษาที่คนแวดวงการศึกษารู้จักเป็นอย่างดี

“การปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่ปฏิรูปซี เปลี่ยนซีเป็นระบบแท่งตามกฎหมายซึ่งเป็นการแก่งแย่ง แต่การพัฒนาครูกลับไม่มีใครทำ ซึ่งการสร้างครูจะต้องสร้างครูเพื่อมาสอนเด็กไม่ใช่มาเป็นผู้บริหาร เป็นผู้อำนวยการสำนัก และควรจะเปลี่ยนจากผู้อำนวยการโรงเรียนมาเป็นครูใหญ่เหมือนเดิมและไม่ต้องขึ้นตามลำดับชั้นอาวุโสซึ่งสิงคโปร์เขาลงทุนตรงนี้มากด้วยการให้บัณฑิตเก่งๆจบใหม่มาลองเป็นครูอาสาสมัครก่อนซึ่งทำให้ 1 ใน 3 เปลี่ยนใจที่จะเป็นครูจริงๆ และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาชีพครูที่สิงคโปร์เป็นอาชีพที่ใครได้เป็นจะมีความภูมิใจมาก ดังนั้น หากผมได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.ขอให้จับตาดูเรื่องนี้ให้ดีเพราะจะเกิดการเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่กับระบบการศึกษา กทม.ใครที่ไม่เหมาะสมที่จะเป็นครูผมก็จะให้ย้ายสายเพราะผมต้องการผู้ที่จะมาเป็นครูจริงๆ และผู้ที่จะเป็นจะได้รับค่าตอบแทนที่สูงปรับเพิ่มเงินพิเศษโดยจะมีการรีเอ็นจิเนียริ่งระบบใหม่ทั้งหมด” นายแก้วสรร กล่าว

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ การปฏิรูประบบการศึกษาของโรงเรียนสังกัด กทม.นั้นจะต้องมีการตั้งองค์กรมหาชนขึ้นมาเพื่อดูแลมาตรฐานการศึกษาซึ่งหน่วยงานนี้จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่คุมมาตรฐานสมองของเด็ก

ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีโหรดังทำนายว่าผู้สมัครอิสระจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ นายแก้วสรร กล่าวว่า ผมดีใจและสะใจมากเพราะหมอดูจะหักล้างผลโพล เพราะโพลทำให้คนไขว้เขว อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายตนจะยังลงพื้นที่เหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนหาเสียงแต่อย่างใด ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิทุกคนรักใครชอบใครก็ให้ออกไปเลือกไม่ต้องกลัวจะผิดโพล และขอเรียกร้องให้หมอดูออกมาทำนายอีก

กำลังโหลดความคิดเห็น