xs
xsm
sm
md
lg

โพลผู้ว่าฯ กทม.ยก 2 “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ยังนำ จับตาคะแนน “แซม” เพิ่มเรื่อยๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
เอแบคโพลล์ เผยผลสำรวจคะแนนผู้ว่าฯ กทม.ยก 2 พบ “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ยังมีคะแนนนำ ตามติดด้วย “หม่อมปลื้ม” และ “แซม” เผยคะแนนสนับสนุนของแซมกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยแย่งชิงฐานคะแนนจาก “หม่อมปลื้ม” เชื่อโอกาสที่จะพลิกผันในกลุ่มผู้สมัครทั้งสามคนยังคงมีสูง

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยโพลล์เลือกตั้ง เรื่อง โพลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่สอง : ใครนำใครตาม ใครช่วงชิงฐานเสียงของใคร กรณีศึกษาประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 2,063 ตัวอย่าง มีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19-24 ธันวาคม 2551 พบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 90 ติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนเป็นประจำทุกสัปดาห์

เมื่อถามถึงการรับทราบวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และเปรียบเทียบผลสำรวจกับการวิจัยครั้งก่อน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.8 ทราบแล้วว่าวันที่ 11 มกราคม 2552 เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเมื่อเทียบกับผลวิจัยครั้งแรกพบว่า ประชาชนรับทราบวันเลือกตั้งเพิ่มขึ้น

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ประชาชนตั้งใจจะเลือกเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนต่อไป พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 35.6 ตั้งใจจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร อันดับ 2 คือร้อยละ 29.6 ตั้งใจจะเลือก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล และอันดับ 3 หรือร้อยละ 25.8 ตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ซึ่งผลสำรวจที่ออกมาเช่นนี้ในทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจครั้งก่อน อาจกล่าวได้ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ มีฐานสนับสนุนจากประชาชนที่ตั้งใจจะเลือกเท่าเดิม แต่ฐานสนับสนุนจะเลือก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ลดลง โดยไปเพิ่มที่ฐานสนับสนุนตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์ ภมรมนตรี สูงขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อนที่เคยได้รับร้อยละ 17.3

เมื่อจำแนกตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ พบว่า ร้อยละ 36.5 ในกลุ่มผู้ชาย และร้อยละ 35.0 ในกลุ่มผู้หญิง ตั้งใจจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในขณะที่ร้อยละ 28.0 ในกลุ่มผู้ชาย และร้อยละ 30.7 ในกลุ่มผู้หญิงตั้งใจจะเลือก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ นอกจากนี้ ร้อยละ 25.5 ในกลุ่มผู้ชาย และร้อยละ 26.2 ในกลุ่มผู้หญิง ตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ตามลำดับ

เมื่อจำแนกตามช่วงอายุ พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปสูงสุดคืออยู่ที่ร้อยละ 41.3 ในขณะที่ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ ได้รับความตั้งใจจะเลือกจากประชาชนมากที่สุดในกลุ่มคนช่วงอายุ 30-39 ปีอยู่ร้อยละ 35.1 แต่มีฐานสนับสนุนน้อยในกลุ่มคนที่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปที่มีอยู่ร้อยละ 28.1 และเมื่อพิจารณากลุ่มคนที่ตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์ พบว่ามีสัดส่วนไม่ค่อยแตกต่างกันนักในแต่ละช่วงอายุคืออยู่ระหว่างร้อยละ 25 บวกลบไม่เกินร้อยละ 5 ในการสำรวจครั้งนี้ โดยมีกลุ่มคนอายุระหว่าง 40-49 ปี ร้อยละ 28.0 เป็นค่าสูงสุดของนายยุรนันท์ แต่ยังต่ำกว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ เมื่อจำแนกตามระดับการศึกษา พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังคงได้คะแนนนิยมตั้งใจจะเลือกจากกลุ่มคนการศึกษาระดับปริญญาตรี และสูงกว่าปริญญาตรี คือร้อยละ 40.2 และร้อยละ 48.6 และได้รับจากกลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 33.4 ในขณะที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ได้รับคะแนนความตั้งใจจะเลือกจากกลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 29.1 กลุ่มปริญญาตรีร้อยละ 31.6 และสูงกว่าปริญญาตรีร้อยละ 32.4 อย่างไรก็ตาม ที่น่าพิจารณาคือ ฐานสนับสนุนตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์ ในกลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 29.7 คนที่มีการศึกษาปริญญาตรีร้อยละ 16.3 และสูงกว่าปริญญาตรีร้อยละ 10.8 เท่านั้น

ดร.นพดล กล่าวว่า ข้อมูลที่ค้นพบเช่นนี้อาจตั้งสมมติฐานได้ว่า ฐานสนับสนุนตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์เพิ่มสูงมากขึ้นในกลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีและเป็นฐานส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งของคนกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ถ้าฐานสนับสนุนเหล่านี้ขยายตัวต่อไป ก็อาจทำให้นายยุรนันท์มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งได้เช่นกัน

ดร.นพดล กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงตัวเลขฐานสนับสนุนของประชาชนในกลุ่มนี้มีนัยต่อการแพ้ชนะของการเลือกตั้งสูงเพราะ กลุ่มคนที่มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีเป็นคนส่วนใหญ่ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ถึงแม้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนมีการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีในการสำรวจครั้งนี้ แต่คนกลุ่มนี้มีจำนวนน้อย การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นจึงไม่มีนัยอะไรต่อการแพ้ชนะมากนัก

เมื่อจำแนกออกตามกลุ่มอาชีพ พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังคงรักษาฐานสนับสนุนคนที่ตั้งใจจะเลือกเอาไว้ได้ในทุกกลุ่มอาชีพ ยกเว้น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา ที่พบตัวเลขลดลงจากร้อยละ 37.4 เหลืออยู่ร้อยละ 28.6 ในขณะที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เสียฐานสนับสนุนไปเกือบทุกกลุ่มอาชีพ ยกเว้น กลุ่มนักเรียนนักศึกษา กับกลุ่มแม่บ้าน เกษียณอายุที่พบว่ามีอยู่ร้อยละ 32.1 และร้อยละ 43.0 ในการสำรวจครั้งนี้ ในขณะที่ นายยุรนันท์ มีฐานสนับสนุนเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานทั่วไป เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 21.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 34.4

เมื่อจำแนกออกตามรายได้ พบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังคงรักษาฐานสนับสนุนไว้ได้ในกลุ่มคนที่มีรายได้สูงกว่า 20,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ร้อยละ 44.0 และในกลุ่มคนที่มีรายได้น้อยต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือนร้อยละ 32.2 ในขณะที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ มีฐานสนับสนุนลดลงในกลุ่มระดับรายได้ แต่ยังได้รับฐานสนับสนุนมากสุดในกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือนคืออยู่ที่ร้อยละ 34.2 ในขณะที่นายยุรนันท์ ภมรมนตรี กลับได้รับฐานสนับสนุนเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มระดับรายได้

เมื่อจำแนกตามจุดยืนทางการเมือง พบประเด็นที่น่าสนใจ คือ คนที่มีจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลระดับชาติในนามพรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 60.1 ตั้งใจจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับฐานสนับสนุนลดลงในกลุ่มคนที่เป็นพลังเงียบจากร้อยละ 36.7 เหลือร้อยละ 27.7 ในขณะที่ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ ยังคงรักษาฐานสนับสนุนจากกลุ่มคนพลังเงียบไว้ได้ที่ร้อยละ 36.2 แต่กลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 34.3 เท่านั้นที่สนับสนุน ม.ล.ณัฎฐกรณ์ โดยไปเพิ่มฐานสนับสนุนให้กับนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ร้อยละ 57.9 ของคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ในเขตกรุงเทพมหานคร สิ่งที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ และพรรคประชาธิปัตย์ต้องพิจารณาคือ ในฐานสนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 16.9 ตั้งใจจะเลือก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ และร้อยละ 15.0 ตั้งใจจะเลือกนายยุรนันท์
นายยุรนันท์ ภมรมนตรี
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า หากพิจารณาตัวเลขที่ค้นพบครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่า ฝ่ายการเมืองที่สนับสนุนนายยุรนันท์ ภมรมนตรี เริ่มปฏิบัติงานในการได้ฐานสนับสนุนคนมีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครมากขึ้นในลักษณะช่วงชิงฐานสนับสนุนจาก ม.ล.ณัฏฐกรณ์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และในกลุ่มคนที่เป็นพลังเงียบอีกด้วย คือเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 16.0 มาอยู่ที่ร้อยละ 25.6

โดยสรุป ภาพรวมตัวเลขที่ค้นพบครั้งนี้พบว่า ระยะเวลาอีกประมาณสองถึงสามสัปดาห์ข้างหน้า โอกาสที่จะพลิกผันในกลุ่มผู้สมัครทั้งสามคนยังคงมีสูง เพราะมองได้หลายมิติ อย่างน้อยสี่มิติ คือ มิติที่หนึ่ง อาจมองได้ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งเพราะกำลังอยู่ในสถานะ “ตาอยู่” เนื่องจาก ฐานสนับสนุนของ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ กับ นายยุรนันท์ ช่วงชิงฐานสนับสนุนกัน

มิติที่สอง ถ้าฐานสนับสนุนของนายยุรนันท์ สามารถทะลุผ่านร้อยละ 35 ขึ้นมาได้ในช่วงโค้งสุดท้าย ก็น่าติดตามลุ้นต่อว่าจะชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ได้หรือไม่ ตามคำกล่าวที่ว่า คนกรุงเทพฯ มักจะเลือกผู้ว่าที่เป็นคนละขั้วกันกับพรรครัฐบาลระดับชาติ

มิติที่สาม คือ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ จะชนะโดยเสียงส่วนใหญ่มาจากกลุ่มคนพลังเงียบที่การสำรวจครั้งนี้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์สามารถรักษาระดับการสนับสนุนไว้ได้ โดยคนกลุ่มนี้ไม่สนับสนุนผู้สมัครของพรรคการเมืองทั้งสองพรรค ก็เป็นมุมมองที่สามารถมองจากตัวเลขที่ค้นพบครั้งนี้ได้เช่นกันและมิติที่สี่ ถ้าฐานสนับสนุนของ “ผู้สมัครชายหนุ่มสองคนรวมตัวกันได้” โอกาสจะชนะ “ผู้สูงอายุ” มีถึงประมาณร้อยละ 20 เลยทีเดียว” ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น