“แก้วสรร” ชูฟื้นฟูย่านคมนาคมทางน้ำเก่าอย่างทรงวาดไล่ไปจนถึงสี่พระยา เป็นถนนข้าวสาร 2 ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหวังตีตลาดชอบแบ็กแพก ด้าน “แซม” ชูคลองแสนแสบเป็นต้นแบบการบำบัดน้ำเสียโดยใช้วิธีสร้างบ่อรับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนริมคลอง ส่งต่ออุโมงค์บำบัดน้ำเสียโปรเจคใหญ่หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ลั่นพร้อมทำทันทีเมื่อคว้าชัยได้
เมื่อเวลา 09.00 น.นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) หมายเลข 12 กลุ่มกรุงเทพฯใหม่ ได้เข้าสักกการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดมังกรกมลาวาส หรือวัดเล่งเนยยี่ ก่อนลงพื้นที่หาเสียงย่านตลอดเก่า เยาวราชโดยได้รับความสนใจจากประชาชนมีบางรายเข้ามาขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย
ทั้งนี้ นายแก้วสรร ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีนโยบายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ตั้งแต่ถนนทรงวาด ให้มีชีวิตชีวาอีกครั้งซึ่งสมัยก่อนย่านถนนทรงวาดเป็นแหล่งคมนาคมทางน้ำที่สำคัญแต่ปัจจุบันเมื่อการจราจรทางบกมีการพัฒนามากขึ้น ย่านถนนทรงวาดจึงหมดความสำคัญ ดังนั้นตนจะทำให้ถนนทรงวาดไปจนถึงถนนสี่พระยาซึ่งเป็นพื้นที่ริมน้ำให้เป็นถนนข้าวสาร 2 เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาพักมากขึ้น โดยจะหารือกับคนในพื้นที่ว่าพวกเขาต้องการให้พัฒนาในรูปแบบใด ในพื้นที่สามารถทำบ้านของคนในพื้นที่เป็นที่พักสำหรับชาวต่างชาติแบบแบ็คแพค หรือทำเป็นบูติกโฮเต็ลได้หรือไม่ หากทำได้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากกว่าถนนข้าวสารอย่างแน่นอน เนื่องจากมีพื้นที่ต่อเนื่องมากกว่า
นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ส่วนถนนเยาวราชนั้นจะไม่ใช้การจัดระเบียบเพราะการจัดระเบียบเป็นการใช้อำนาจแต่นายแก้วสรรจะไม่ใช้อำนาจแบบนี้จะเปลี่ยนเป็นการหารือกับผู้ค้าว่าจะให้พื้นที่ 1 เลนถนน จัดเป็นแผงการค้า แทนที่จะตั้งของขายบนทางเท้าอย่างเช่นปัจจุบัน ส่วนที่จอดรถนั้น ก็จะหาที่จอดริมทางเท้าให้ โดยจะทำเว้นช่วงกับแผงค้าของผู้ค้า อย่างไรก็ตามตามแนวคิดของหน่วยงานรัฐจะทำรถไฟฟ้าเข้ามาในย่านพื้นที่เยาวราช ตนขอเรียกร้องให้วางแผนให้ดี อย่าได้สร้างรถไฟฟ้าโดยกระทบต่อวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ และที่สำคัญต้องคำนึงถึงลักษณะภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบด้วย
ในวันเดียวกันเมื่อเวลา 08.30 น.นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) หมายเลข 10 พรรคเพื่อไทย (พท.) ลงพื้นที่หาเสียงที่ท่าเรือคลองแสนแสบประตูน้ำ และได้ล่องเรือจากท่าเรือประตูน้ำไปยังท่าเรือโบ๊เบ๊ พร้อมทั้งแถลงนโยบายการบำบัดน้ำเสีย ว่า ปัจจุบันคนกทม.ใช้บริการเรือด่วนคลองแสนแสบสูงถึงวันละ 6 หมื่นคน ซึ่งเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การบริการการขนส่งดังกล่าวต้องมีมาตรฐาน และความปลอดภัยสูง โดยตนจะประสานกับผู้ได้รับสัมปทานเดินเรือด่วนปรับปรุงเรือให้มีคุณภาพขึ้น นอกจากนี้ จะมีการทำตารางเดินเรือ เพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้สัญจรไปมาโดยเฉพาะเวลาเร่งด่วน ขณะเดียวกันก็จะช่วยดูแลบริเวณท่าเรือให้มีความมั่นคงแข็งแรงสามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้น
“ปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองแสนแสบเป็นปัญหาที่ค้างคามานาน ผมมีนโยบายผลักดันการก่อสร้างอุโมงค์ใต้น้ำสำหรับบำบัดน้ำเสีย พร้อมทั้งจะสร้างท่อระบายน้ำทิ้งบริเวณสองริมฝั่งคลอง เพื่อรองรับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนและส่งต่อไปยังอุโมงค์บำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะช่วยทำให้น้ำในคลองแสนแสบดีขึ้น เบื้องต้นจะให้คลองแสนแสบเป็นต้นแบบในการบำบัดน้ำเสีย ก่อนจะขยายสู่คลองอื่นๆ ทั่วกทม.สำหรับงบประมาณการก่อสร้างนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมิน เชื่อว่าหากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะสามารถดำเนินการได้ทันที” นายยุรนันท์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำรวจของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ที่ระบุว่า นายยุรนันท์ ยังคงมาเป็นอันดับสาม นายยุรนันท์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วการจะพิจารณาผลสำรวจของโพลล์ต่างๆนั้น ต้องดูที่ระยะเวลาในการออกตัวผู้สมัครแต่ละรายด้วย เพราะอย่าลืมว่า ตนและนายแก้วสรร อติโพธิ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม หมายเลข 12 มาสมัครวันสุดท้าย การออกตัวลงพื้นที่ก็ช้ากว่าผู้สมัครรายอื่น ทำให้เสียเปรียบ ซึ่งตนก็ไม่ได้ประมาท มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ต้องมาดูกันช่วงกลางๆ ของการหาเสียงจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่หาเสียงของนายยุรนันท์ บริเวณท่าเรือโบ๊เบ๊ได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าย่านดังกล่าวอย่างล้นหลาม โดยได้มาต้อนรับถึงบริเวณโป๊ะกันมากมาย ทำให้โป๊ะมีการสั่นไหว และสุ่มเสี่ยงเกิดอันตรายมาก
