ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจ ความคิดเห็นประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกกลุ่มอาชีพที่อาศัยในกรุงเทพฯ จำนวน 1,116 คน ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. 255 เรื่อง การปรับ ครม.ของรัฐบาลสมชายในสายตาประชาชน ผลปรากฏว่า ประชาชนร้อยละ 43.9 ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าปรับ ครม.บ่อยเกินไป รัฐมนตรียังเข้ามาทำงานได้ไม่นาน และคาดว่า เปลี่ยนแล้วคงมีแต่หน้าเดิมๆ ไม่มีอะไรดีขึ้น ร้อยละ 34.6 เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเปิดโอกาสให้คนดี มีความรู้เหมาะสมกับตำแหน่งมาทำงานช่วยแก้ปัญหาของประเทศ และร้อยละ 21.5 ไม่สนใจและเบื่อ
ส่วนรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการให้ถูกปรับออก 5 อันดับแรก ผลปรากฏว่า ร้อยละ 69.2 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 48.0 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร้อยละ 31.5 พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 26.5 นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ และร้อยละ 26.3 พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย
สำหรับหัวข้อจุดประสงค์ของรัฐบาลในการปรับ ครม. ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนร้อยละ 26.3 เห็นว่า เพื่อคลี่คลายวิกฤติของบ้านเมือง รวมทั้งเพื่อเตรียมรับมือกับคดียุบพรรคพลังประชาชนและการเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 21.7 เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาประเทศได้ดียิ่งขึ้น ร้อยละ 17.2 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในคณะรัฐบาล และร้อยละ 8.5 เพื่อจัดแบ่งโควตาใหม่ รวมทั้งจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัว
ทั้งนี้ ในหัวข้อเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วนมากที่สุด อันดับแรก ร้อยละ 42.6 ยุติความขัดแย้ง ความรุนแรงและการชุมนุมของทุกฝ่าย ตลอดจน สร้างความสามัคคีของคนในชาติ ร้อยละ 36.7 แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าและค่าครองชีพ ร้อยละ 9.1 พิจารณาตัวเอง ลาออกยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 4.6 ให้ทำงานโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของชาติ ร้อยละ 3.5 แก้ปัญหาการเลิกจ้าง แก้รัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาล และหาผู้กระทำผิดจากเหตุรุนแรงวันที่ 7 ตุลาคม ร้อยละ 2.3 แก้ปัญหาการจราจร พัฒนาระบบคมนาคม ร้อยละ 0.6 แก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ และแก้ปัญหาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวยังรายงานถึงการสำรวจในหัวข้อแนวโน้มการให้ความสนับสนุน พรรคเพื่อไทย หากพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินให้ยุบพรรค ว่า ร้อยละ 20.4 จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 35.5 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 44.1 ยังไม่แน่ใจ
ส่วนรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการให้ถูกปรับออก 5 อันดับแรก ผลปรากฏว่า ร้อยละ 69.2 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 48.0 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร้อยละ 31.5 พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 26.5 นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ และร้อยละ 26.3 พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย
สำหรับหัวข้อจุดประสงค์ของรัฐบาลในการปรับ ครม. ครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนร้อยละ 26.3 เห็นว่า เพื่อคลี่คลายวิกฤติของบ้านเมือง รวมทั้งเพื่อเตรียมรับมือกับคดียุบพรรคพลังประชาชนและการเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 21.7 เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและแก้ปัญหาประเทศได้ดียิ่งขึ้น ร้อยละ 17.2 เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในคณะรัฐบาล และร้อยละ 8.5 เพื่อจัดแบ่งโควตาใหม่ รวมทั้งจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัว
ทั้งนี้ ในหัวข้อเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเร่งด่วนมากที่สุด อันดับแรก ร้อยละ 42.6 ยุติความขัดแย้ง ความรุนแรงและการชุมนุมของทุกฝ่าย ตลอดจน สร้างความสามัคคีของคนในชาติ ร้อยละ 36.7 แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ราคาสินค้าและค่าครองชีพ ร้อยละ 9.1 พิจารณาตัวเอง ลาออกยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 4.6 ให้ทำงานโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมของชาติ ร้อยละ 3.5 แก้ปัญหาการเลิกจ้าง แก้รัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาล และหาผู้กระทำผิดจากเหตุรุนแรงวันที่ 7 ตุลาคม ร้อยละ 2.3 แก้ปัญหาการจราจร พัฒนาระบบคมนาคม ร้อยละ 0.6 แก้ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ และแก้ปัญหาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวยังรายงานถึงการสำรวจในหัวข้อแนวโน้มการให้ความสนับสนุน พรรคเพื่อไทย หากพรรคพลังประชาชนถูกตัดสินให้ยุบพรรค ว่า ร้อยละ 20.4 จะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 35.5 ไม่สนับสนุน และร้อยละ 44.1 ยังไม่แน่ใจ
