“แก้วสรร” มาแน่! รับใบสมัคร ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว เผย 4 ธ.ค.สมัครชัวร์ เผย เน้นหาเสียงแบบเรียบๆ ไม่หวั่นไม่มีฐานเสียงแต่ความอิสระจะช่วยแก้วิกฤตการเมืองได้ วอนหยุดปาระเบิดรายวัน ด้าน “ธรณี” สมัครครั้งนี้เน้นลงชุมชนยากจน ไม่สนเมกะโปรเจกต์ ส่วนอิสระผู้สมัครหน้าใหม่มาแนวแปลกจัดระเบียบพื้นที่ กทม.ใหม่ ข้าราชการ กทม.รับเงินเดือน 4 งวดต่อเดือน พร้อมจะจัดพื้นที่ชุมนุมทางการเมืองให้โดยเฉพาะ ขณะที่ “วิทยา” เจ้าเก่ามาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.50 น. นายแก้วสรร อติโพธิ ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายขวัญสรวง น้องชายฝาแฝด โดย นายแก้วสรร กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับใบสมัครเท่านั้น แต่จะมาสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 10.00 น.พร้อมกับแถลงเปิดนโยบายหลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว
นายแก้วสรร เปิดเผยว่า สาเหตุที่ไม่สมัครในวันนี้ ดวงไม่ดี ส่วนหมายเลขผู้สมัครจะได้เบอร์อะไรนั้น ไม่ซีเรียส เพราะคงไม่มีสมาธิเนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ ลงพื้นที่หาเสียงไม่ออก ตนยังไม่อยากทำอะไร แต่จะลงหาเสียงแบบเรียบๆ เน้นการรับฟังชุมชน สำหรับนโยบายตนได้เตรียมไว้ตั้งนานแล้ว แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ยึดสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จึงชะงัก แต่เมื่อทบทวนดูแล้วเห็นว่า การเมือง เศรษฐกิจ กำลังวิกฤต ตนอยู่ในจุดที่สามารถช่วยบ้านเมืองได้ จึงอยากเสนอทางเลือกให้กับผู้คนในยามทุกข์ยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงสมัครในนามอิสระ จะมีปัญหาเรื่องฐานเสียงหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองแบบนี้ เวลาหาเสียงสั้น วิกฤตการเมืองมาจ่อ ปีใหม่มาคั่น สมาธิผู้คนเบื่อโลก จึงลำบากต่อผู้สมัครอิสระ แต่เมื่อทบทวนดูแล้วความเป็นอิสระอาจช่วยบ้านเมืองได้
ส่วนการบุกยึดสนามบินทั้ง 2 แห่งนั้น ตนไม่อยากให้ใครตาย แต่ขอชื่นชมที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการฆ่ากัน และยังอยู่ในที่ตั้ง หากฆ่ากันจะเสียหายยิ่งกว่ายึดสนามบินอีก ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง จะยิ่งวิกฤต เราต้องช่วยกันภาวนาไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนพวกที่ปาระเบิดรายวัน ควรเลิกเสียที ดังนั้น ใครที่ลังเลในการสมัครอยู่ก็ขอให้มาสมัคร และอยากชื่นชมผู้สมัครทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล ที่ออกมาสมัครเพื่อช่วยบ้านเมืองของเรา
ด้านนางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4 กล่าวถึงนโยบายหลักในการหาเสียงครั้งนี้ ว่า ตนจะลงหาเสียงในพื้นที่ ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่แล้วที่ไม่ได้ไปหาเสียงเลยโดยจะเน้นลงชุมชนแออัดยากจน และมีความมั่นใจในการเลือกตั้งนี้ 1,000% จะไม่เน้นเมกะโปเจกต์ โดยคะแนนที่ตนจะได้รับครั้งนี้ จะมาจากธรรมะจัดสรร
ขณะที่นายอิสระ อมรเวช ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 กล่าวว่า การสมัครลงชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้เป็นการสมัครครั้งแรก นอกจากนี้ เคยสมัคร ส.ส.ในเขตประเวศ สวนหลวง ในนามของพรรคประชากรไทย สำหรับการสมัครในครั้งนี้ลงในนามอิสระและด้วยแรงบันดาลใจ สำหรับนโยบายหลัก คือ จัดสวนสาธารณะให้กับประชาชน โดยจะมีการแบ่งพื้นที่การใช้ให้ถูกต้อง สนามกีฬาก็ไว้สำหรับเล่นกีฬา ในเรื่องของนโยบายข้าราชการในกทม.นั้นจะจัดให้ข้าราชได้รับเงินเดือนๆ ละ 4 งวด คือ รับเป็นอาทิตย์ เพราะข้าราชการนั้นส่วนใหญ่มีความเดือดร้อน ต้องส่งเสียลูกเรียนหนังสือ เมื่อเงินไม่พอใช้จึงต้องเอาข้าวของไปจำนำ นอกจากนี้ ผู้สมัครหน้าใหม่ ยังได้ย้ำว่า หากได้รับเลือกให้เป็น ผู้ว่าฯ กทม.จะมีการจัดการในเรื่องของพื้นที่ กทม.ใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่การชุมนุม จะจัดให้มีพื้นที่ไว้สำหรับกิจกรรมทางการเมืองโดยเฉพาะ
ส่วนนายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 1 ซึ่งได้นำหมวกเปาบุ้นจิ้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความยุติธรรมมาด้วย เปิดเผยถึงนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้จะเน้นถึงชาวรากหญ้า คนจน คนชั้นกลาง ต้องมาก่อน และจะเน้นในเรื่องของปากท้องและที่ทำกิน ของชาว กทม.นั้นสำคัญกว่าเมกะโปรเจกต์ โดยจะดูแลชาว กทม.ด้วยหัวใจคุณธรรม ชุมชนแออัด เป็นศิลปะชุมชน ที่สมควรอนุรักษ์ และจะเนรมิตให้สวยงามด้วยสถาปนิกชั้นเยี่ยม สำหรับในเรื่องของปัญหาการเลี้ยงชีพ การทำมาหากินของพ่อค้าแม่ขายหาบเร่-แผงลอยกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ จะผ่อนปรนให้พ่อค้าแม่ค้าขายได้สะดวก มีการจัดที่ไว้สำหรับค้าขาย สำหรับนโยบายด้านกฎหมายตัวอาคารนั้นเก่าแก่และล้าหลัง จึงต้องมีการแก้ไขให้ยืดหยุ่น และผ่อนปรนเพื่อให้ชาว กทม.ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาเมื่อเวลา 09.40 น. นายวิทยา จังกอบพัฒนา อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เดินทางมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดย นายวิทยา ตั้งใจที่จะมาลงสมัครเพื่อให้ได้หมายเลข 9 แต่ปรากฏว่า การเปิดรับสมัครในช่วงเช้ามีผู้มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.เพียง 7 คนเท่านั้น นายวิทยา จึงยังไม่ยื่นใบสมัครเพราะต้องการรอให้มีผู้สมัครรายอื่นมาลงสมัครได้หมายเลข 8 ไปก่อน
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.เป็นเพราะสื่อไม่ให้ความเท่าเทียมกันในเรื่องของการนำเสนอ ทำให้ประชาชนยังไม่รู้จักตนเท่าที่ควร ดังนั้น สื่อต้องให้ความเป็นธรรม สำหรับนโยบายจะเน้นแก้ไขปัญหาการจราจรเหมือนเดิม โดยจะต้องปรับแก้สัญญาณไฟและทางกลับรถให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้จะเน้นนโยบายด้านการศึกษาโดยจะส่งเด็ก กทม.เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนไปทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.50 น. นายแก้วสรร อติโพธิ ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายขวัญสรวง น้องชายฝาแฝด โดย นายแก้วสรร กล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับใบสมัครเท่านั้น แต่จะมาสมัครอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 10.00 น.พร้อมกับแถลงเปิดนโยบายหลังจากสมัครเรียบร้อยแล้ว
นายแก้วสรร เปิดเผยว่า สาเหตุที่ไม่สมัครในวันนี้ ดวงไม่ดี ส่วนหมายเลขผู้สมัครจะได้เบอร์อะไรนั้น ไม่ซีเรียส เพราะคงไม่มีสมาธิเนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ ลงพื้นที่หาเสียงไม่ออก ตนยังไม่อยากทำอะไร แต่จะลงหาเสียงแบบเรียบๆ เน้นการรับฟังชุมชน สำหรับนโยบายตนได้เตรียมไว้ตั้งนานแล้ว แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ยึดสนามบินดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จึงชะงัก แต่เมื่อทบทวนดูแล้วเห็นว่า การเมือง เศรษฐกิจ กำลังวิกฤต ตนอยู่ในจุดที่สามารถช่วยบ้านเมืองได้ จึงอยากเสนอทางเลือกให้กับผู้คนในยามทุกข์ยาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงสมัครในนามอิสระ จะมีปัญหาเรื่องฐานเสียงหรือไม่ นายแก้วสรร กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองแบบนี้ เวลาหาเสียงสั้น วิกฤตการเมืองมาจ่อ ปีใหม่มาคั่น สมาธิผู้คนเบื่อโลก จึงลำบากต่อผู้สมัครอิสระ แต่เมื่อทบทวนดูแล้วความเป็นอิสระอาจช่วยบ้านเมืองได้
ส่วนการบุกยึดสนามบินทั้ง 2 แห่งนั้น ตนไม่อยากให้ใครตาย แต่ขอชื่นชมที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีการฆ่ากัน และยังอยู่ในที่ตั้ง หากฆ่ากันจะเสียหายยิ่งกว่ายึดสนามบินอีก ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง จะยิ่งวิกฤต เราต้องช่วยกันภาวนาไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนพวกที่ปาระเบิดรายวัน ควรเลิกเสียที ดังนั้น ใครที่ลังเลในการสมัครอยู่ก็ขอให้มาสมัคร และอยากชื่นชมผู้สมัครทุกคน ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หรือ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล ที่ออกมาสมัครเพื่อช่วยบ้านเมืองของเรา
ด้านนางธรณี ฤทธีธรรมรงค์ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 4 กล่าวถึงนโยบายหลักในการหาเสียงครั้งนี้ ว่า ตนจะลงหาเสียงในพื้นที่ ซึ่งแตกต่างจากครั้งที่แล้วที่ไม่ได้ไปหาเสียงเลยโดยจะเน้นลงชุมชนแออัดยากจน และมีความมั่นใจในการเลือกตั้งนี้ 1,000% จะไม่เน้นเมกะโปเจกต์ โดยคะแนนที่ตนจะได้รับครั้งนี้ จะมาจากธรรมะจัดสรร
ขณะที่นายอิสระ อมรเวช ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 7 กล่าวว่า การสมัครลงชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้เป็นการสมัครครั้งแรก นอกจากนี้ เคยสมัคร ส.ส.ในเขตประเวศ สวนหลวง ในนามของพรรคประชากรไทย สำหรับการสมัครในครั้งนี้ลงในนามอิสระและด้วยแรงบันดาลใจ สำหรับนโยบายหลัก คือ จัดสวนสาธารณะให้กับประชาชน โดยจะมีการแบ่งพื้นที่การใช้ให้ถูกต้อง สนามกีฬาก็ไว้สำหรับเล่นกีฬา ในเรื่องของนโยบายข้าราชการในกทม.นั้นจะจัดให้ข้าราชได้รับเงินเดือนๆ ละ 4 งวด คือ รับเป็นอาทิตย์ เพราะข้าราชการนั้นส่วนใหญ่มีความเดือดร้อน ต้องส่งเสียลูกเรียนหนังสือ เมื่อเงินไม่พอใช้จึงต้องเอาข้าวของไปจำนำ นอกจากนี้ ผู้สมัครหน้าใหม่ ยังได้ย้ำว่า หากได้รับเลือกให้เป็น ผู้ว่าฯ กทม.จะมีการจัดการในเรื่องของพื้นที่ กทม.ใหม่ โดยเฉพาะพื้นที่การชุมนุม จะจัดให้มีพื้นที่ไว้สำหรับกิจกรรมทางการเมืองโดยเฉพาะ
ส่วนนายสุเมธ ตันธนาศิริกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 1 ซึ่งได้นำหมวกเปาบุ้นจิ้นซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความยุติธรรมมาด้วย เปิดเผยถึงนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้จะเน้นถึงชาวรากหญ้า คนจน คนชั้นกลาง ต้องมาก่อน และจะเน้นในเรื่องของปากท้องและที่ทำกิน ของชาว กทม.นั้นสำคัญกว่าเมกะโปรเจกต์ โดยจะดูแลชาว กทม.ด้วยหัวใจคุณธรรม ชุมชนแออัด เป็นศิลปะชุมชน ที่สมควรอนุรักษ์ และจะเนรมิตให้สวยงามด้วยสถาปนิกชั้นเยี่ยม สำหรับในเรื่องของปัญหาการเลี้ยงชีพ การทำมาหากินของพ่อค้าแม่ขายหาบเร่-แผงลอยกับเจ้าหน้าที่เทศกิจ จะผ่อนปรนให้พ่อค้าแม่ค้าขายได้สะดวก มีการจัดที่ไว้สำหรับค้าขาย สำหรับนโยบายด้านกฎหมายตัวอาคารนั้นเก่าแก่และล้าหลัง จึงต้องมีการแก้ไขให้ยืดหยุ่น และผ่อนปรนเพื่อให้ชาว กทม.ได้รับความเป็นธรรม
ต่อมาเมื่อเวลา 09.40 น. นายวิทยา จังกอบพัฒนา อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เดินทางมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดย นายวิทยา ตั้งใจที่จะมาลงสมัครเพื่อให้ได้หมายเลข 9 แต่ปรากฏว่า การเปิดรับสมัครในช่วงเช้ามีผู้มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.เพียง 7 คนเท่านั้น นายวิทยา จึงยังไม่ยื่นใบสมัครเพราะต้องการรอให้มีผู้สมัครรายอื่นมาลงสมัครได้หมายเลข 8 ไปก่อน
นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งสาเหตุที่ตนไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม.เป็นเพราะสื่อไม่ให้ความเท่าเทียมกันในเรื่องของการนำเสนอ ทำให้ประชาชนยังไม่รู้จักตนเท่าที่ควร ดังนั้น สื่อต้องให้ความเป็นธรรม สำหรับนโยบายจะเน้นแก้ไขปัญหาการจราจรเหมือนเดิม โดยจะต้องปรับแก้สัญญาณไฟและทางกลับรถให้สอดคล้องกัน นอกจากนี้จะเน้นนโยบายด้านการศึกษาโดยจะส่งเด็ก กทม.เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนไปทั่วโลก
