ที่รัฐสภา วานนี้ (4 ก.ค.)ได้มีการประชุมร่วมกันของประธาน 2 สภา นำโดย นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาฯ นายนิคม ไวยรัชพาณิชยและ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิฯ เพื่อหารือถึงการจัดหาสถานที่เพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่
โดยในที่ประชุมได้มีการเสนอสถานที่ ที่มีการเสนอมาก่อนหน้านี้ กว่า 10 แห่ง โดยได้มีการชี้แจงถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละแห่งว่า มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ พ.อ.อภิวันท์ได้เสนอให้มีการตัดลดพื้นที่ออกให้เหลือน้อยที่สุดจนเหลือ 2 แห่งคือ คลังแสง กรมสรรพาวุธ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 265 ไร่ และพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย สถานีแม่น้ำ คลองเตย จำนวน 165 ไร่
นายชัย กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีแล้ว โดยนายสมัครได้แนะนำให้ไปดูที่คลังน้ำมัน คลองเตย ในวันนี้ ( 5 ก.ค.) โดยตนจะชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ของ กรมสรรพาวุธให้ฟัง ซึ่งตนเชื่อว่านายสมัครจะรับฟังเหตุผลของสมาชิกสภาฯ และวุฒิสภา ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกัน จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากนี้ ในเบื้องต้น ได้ของบประมาณนายสมัคร ซึ่งเป็นงบกลางเบื้องต้น 2 พันล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคาร ในส่วนนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา หากนายกรัฐมนตรีเป็นของเรา เพราะนี่คือความฝันของตนที่จะมีรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว
นายชัยยังได้แสดงความเป็นห่วงถ้าจะเลือกพื้นที่บริเวณคลองเตย เนื่องจาก มีชุมชนแออัดอยู่หลายพันครัวเรือน หากไปตั้งที่ตรงนั้นประชาชนจะอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นปัญหาอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องชุมชน และหากย้ายออกจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนย้ายได้ โดยเร็ว รวมทั้งอาจจะถูกต่อต้าน ซึ่งจะเป็นปัญหาระยะยาว จึงต้องมีความระมัดระวังมากที่สุด ที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เช่า ไม่ได้ซื้อขาด ที่ต้องเสียค่าเช่าเป็นปีต่อปี ปีละหลายล้านบาท และไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐสภา
นายชัย กล่าวว่า ที่ต้องมีการนำเรื่องนี้มาหารืออยากให้เร่งดำเนินการ ให้เร็วที่สุด เพราะอยากเห็นรัฐสภาแห่งใหม่ที่สง่างาม และอยู่ในวาระที่ตน และนายสมัคร ยังมีชีวิตอยู่ เพราะขณะนี้ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน
ด้านนายนิคม กล่าวว่า จากการร่วมงานกับนายสมัคร แม้มองผิวเผินอาจจะดูไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ แต่แท้จริงแล้วเป็นคนมีเหตุผล ซึ่งตนเชื่อว่าหากพวกเรา นำข้อเท็จจริงเหล่านี้ชี้แจงถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละสถานที่เชื่อว่าท่านนายกฯ จะรับฟัง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยตามที่ประธานสภาฯ และประธานวุฒิเสนอมา แต่ที่คลังแสงตนคิดว่า น่าจะมีการซื้อเนื้อที่เพิ่มเติมอีก 150 ไร่ ที่เป็นพื้นที่ร้างว่างเปล่า และเป็นที่ของเอกชน ซึ่งตนเห็นว่าควรจะซื้อให้ได้ เพราะหากได้มาก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ ที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น ขอให้ประธานสภาฯ ตั้งธงให้ชัดเพื่ออนาคต เนื่องจากสภาไม่ได้ตั้งอยู่แค่ 2-3 ปี แต่ตั้งไว้ตลอดไป ดังนั้น ทำอย่างไร ก็ได้ให้ได้พื้นที่นั้นมา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล เพื่อสถานที่รัฐสภาจะได้สง่างาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่แสดงความคิดเห็นเรื่องที่นายสมัครแนะนำพื้นที่ คลองเตยนั้น นายนิคม ได้กล่าวขึ้นมาว่า เรากำลังสร้างรัฐสภา ไม่ได้สร้างทำเนียบฯ ซึ่งส่วนนี้ต้องเป็นความเห็นของรัฐสภาว่าจะเลือกสถานที่ใด
ทั้งนี้ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขของ สถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ไว้คือ 1. ต้องเป็นพื้นที่ ที่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ หรือ เป็นเขตปริมณฑล ซึ่งการเดินทางไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง 2. ต้องเป็นสถานที่ราชการ ไม่ใช่ที่เอกชน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาถึงความไม่โปร่งใส 3. การจราจรต้องดี เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต 4. มีสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคพร้อมเพรียง และ 5. จะทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ภายในสิ้นปีนี้
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.ค. เวลา 10.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้นัดพบประธานและรองประธานทั้ง 2 สภา ทั้งหมด เพื่อไปตรวจดู พื้นที่คลังน้ำมัน ท่าเรือคลองเตย หลังจากนั้นก็จะสรุปตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ จะได้ข้อสรุปว่าเป็นสถานที่ใดภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามอำนาจการตัดสินใจก็จะขึ้นอยู่กับรัฐสภา แม้ว่านายกฯ จะเป็นผู้เสนอพื้นที่คลังน้ำมัน และเป็นผู้จัดงบประมาณ การก่อสร้างให้ จึงต้องมีการพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ว่าที่สุดแล้วพื้นที่ไหนดีกว่ากัน เบื้องต้นรัฐบาลยังไม่ได้สรุปงบประมาณในการก่อสร้างมาให้ แต่คิดว่าคงต้องมีการขอ งบเพิ่มเติมในการก่อสร้างน่าจะอยู่ที่ประมาณพันล้านบาท เพื่อก่อสร้างทั้งตัวอาคาร สาธารณูปโภค การปรับสภาพพื้นที่แวดล้อม รวมทั้งเส้นทางการจรจารอีก เพราะอาคารรัฐสภาถือเป็นหน้าตาของประเทศ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า หลังจากหาสถานที่ก่อสร้างได้แล้ว ประธานสภาฯ ก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการก่อสร้าง โดยจะมีพวกตนร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยปกติการก่อสร้างไม่เกิน 4 ปี เร็วสุด 2-3 ปีก็เสร็จ โดยใช้เวลาในการออกแบบประมาณ 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังจะมีการกราบบังคมทูลขอคำวินิจฉัยช่วยเลือกสถานที่ อยู่หรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า คงเป็นการมิบังควรที่จะกราบบังคมทูลของคำวินิจฉัย และจะเป็นการมอบภาระเกินความจำเป็น ทั้งนี้ เมื่อได้สถานที่แล้วก็อาจจะกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ และจะกราบบังคมทูลเชิญวางศิลาฤกษ์ต่อไป
พ.อ.อภิวันท์ ยังกล่าวว่า ในที่ประชุมทั้งหมดเห็นพ้องจะใช้สถานที่บริเวณคลังแสง อ.ปากเกร็ด เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ การจราจรไปมาสะดวก พื้นที่โดยรอบเป็นสวน สามารถปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงามได้ ไม่เป็นชุมชนแออัด แต่พื้นที่บริเวณคลังน้ำมัน ที่ท่าเรือคลองเตยนั้น แม้จะอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แต่การจราจรติดขัด ถนนทางเข้าแคบ บริเวณพื้นที่โดยรอบยังเป็นชุมชนแออัด ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องการ ไล่ที่ของชุมชนแออัดกว่าพันครอบครัว นอกจากนี้ ยังไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้ เพราะใต้ดินมีน้ำมันสะสมทำให้ดินเสื่อม หากเลือกสถานที่ตรงนี้อาจจะมีสภาพภูมิทัศน์ที่ไม่สวยงาม ทำให้รัฐสภาดูไม่สง่างาม
โดยในที่ประชุมได้มีการเสนอสถานที่ ที่มีการเสนอมาก่อนหน้านี้ กว่า 10 แห่ง โดยได้มีการชี้แจงถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละแห่งว่า มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ พ.อ.อภิวันท์ได้เสนอให้มีการตัดลดพื้นที่ออกให้เหลือน้อยที่สุดจนเหลือ 2 แห่งคือ คลังแสง กรมสรรพาวุธ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 265 ไร่ และพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย สถานีแม่น้ำ คลองเตย จำนวน 165 ไร่
นายชัย กล่าวว่า ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีแล้ว โดยนายสมัครได้แนะนำให้ไปดูที่คลังน้ำมัน คลองเตย ในวันนี้ ( 5 ก.ค.) โดยตนจะชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับพื้นที่ของ กรมสรรพาวุธให้ฟัง ซึ่งตนเชื่อว่านายสมัครจะรับฟังเหตุผลของสมาชิกสภาฯ และวุฒิสภา ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกัน จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
นอกจากนี้ ในเบื้องต้น ได้ของบประมาณนายสมัคร ซึ่งเป็นงบกลางเบื้องต้น 2 พันล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคาร ในส่วนนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา หากนายกรัฐมนตรีเป็นของเรา เพราะนี่คือความฝันของตนที่จะมีรัฐสภาแห่งใหม่ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการโดยเร็ว
นายชัยยังได้แสดงความเป็นห่วงถ้าจะเลือกพื้นที่บริเวณคลองเตย เนื่องจาก มีชุมชนแออัดอยู่หลายพันครัวเรือน หากไปตั้งที่ตรงนั้นประชาชนจะอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นปัญหาอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องชุมชน และหากย้ายออกจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนย้ายได้ โดยเร็ว รวมทั้งอาจจะถูกต่อต้าน ซึ่งจะเป็นปัญหาระยะยาว จึงต้องมีความระมัดระวังมากที่สุด ที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เช่า ไม่ได้ซื้อขาด ที่ต้องเสียค่าเช่าเป็นปีต่อปี ปีละหลายล้านบาท และไม่ใช่ทรัพย์สินของรัฐสภา
นายชัย กล่าวว่า ที่ต้องมีการนำเรื่องนี้มาหารืออยากให้เร่งดำเนินการ ให้เร็วที่สุด เพราะอยากเห็นรัฐสภาแห่งใหม่ที่สง่างาม และอยู่ในวาระที่ตน และนายสมัคร ยังมีชีวิตอยู่ เพราะขณะนี้ไม่รู้ว่าจะตายวันไหน
ด้านนายนิคม กล่าวว่า จากการร่วมงานกับนายสมัคร แม้มองผิวเผินอาจจะดูไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ แต่แท้จริงแล้วเป็นคนมีเหตุผล ซึ่งตนเชื่อว่าหากพวกเรา นำข้อเท็จจริงเหล่านี้ชี้แจงถึงข้อดี ข้อเสียของแต่ละสถานที่เชื่อว่าท่านนายกฯ จะรับฟัง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยตามที่ประธานสภาฯ และประธานวุฒิเสนอมา แต่ที่คลังแสงตนคิดว่า น่าจะมีการซื้อเนื้อที่เพิ่มเติมอีก 150 ไร่ ที่เป็นพื้นที่ร้างว่างเปล่า และเป็นที่ของเอกชน ซึ่งตนเห็นว่าควรจะซื้อให้ได้ เพราะหากได้มาก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ ที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้มีพื้นที่ที่กว้างขึ้น ขอให้ประธานสภาฯ ตั้งธงให้ชัดเพื่ออนาคต เนื่องจากสภาไม่ได้ตั้งอยู่แค่ 2-3 ปี แต่ตั้งไว้ตลอดไป ดังนั้น ทำอย่างไร ก็ได้ให้ได้พื้นที่นั้นมา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล เพื่อสถานที่รัฐสภาจะได้สง่างาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่แสดงความคิดเห็นเรื่องที่นายสมัครแนะนำพื้นที่ คลองเตยนั้น นายนิคม ได้กล่าวขึ้นมาว่า เรากำลังสร้างรัฐสภา ไม่ได้สร้างทำเนียบฯ ซึ่งส่วนนี้ต้องเป็นความเห็นของรัฐสภาว่าจะเลือกสถานที่ใด
ทั้งนี้ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เบื้องต้นได้กำหนดเงื่อนไขของ สถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ไว้คือ 1. ต้องเป็นพื้นที่ ที่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ หรือ เป็นเขตปริมณฑล ซึ่งการเดินทางไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง 2. ต้องเป็นสถานที่ราชการ ไม่ใช่ที่เอกชน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาถึงความไม่โปร่งใส 3. การจราจรต้องดี เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต 4. มีสิ่งอำนวยความสะดวก สาธารณูปโภคพร้อมเพรียง และ 5. จะทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ภายในสิ้นปีนี้
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.ค. เวลา 10.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้นัดพบประธานและรองประธานทั้ง 2 สภา ทั้งหมด เพื่อไปตรวจดู พื้นที่คลังน้ำมัน ท่าเรือคลองเตย หลังจากนั้นก็จะสรุปตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ จะได้ข้อสรุปว่าเป็นสถานที่ใดภายในเดือนนี้ อย่างไรก็ตามอำนาจการตัดสินใจก็จะขึ้นอยู่กับรัฐสภา แม้ว่านายกฯ จะเป็นผู้เสนอพื้นที่คลังน้ำมัน และเป็นผู้จัดงบประมาณ การก่อสร้างให้ จึงต้องมีการพูดคุยกันด้วยเหตุและผล ว่าที่สุดแล้วพื้นที่ไหนดีกว่ากัน เบื้องต้นรัฐบาลยังไม่ได้สรุปงบประมาณในการก่อสร้างมาให้ แต่คิดว่าคงต้องมีการขอ งบเพิ่มเติมในการก่อสร้างน่าจะอยู่ที่ประมาณพันล้านบาท เพื่อก่อสร้างทั้งตัวอาคาร สาธารณูปโภค การปรับสภาพพื้นที่แวดล้อม รวมทั้งเส้นทางการจรจารอีก เพราะอาคารรัฐสภาถือเป็นหน้าตาของประเทศ
พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า หลังจากหาสถานที่ก่อสร้างได้แล้ว ประธานสภาฯ ก็จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการก่อสร้าง โดยจะมีพวกตนร่วมเป็นกรรมการด้วย โดยปกติการก่อสร้างไม่เกิน 4 ปี เร็วสุด 2-3 ปีก็เสร็จ โดยใช้เวลาในการออกแบบประมาณ 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังจะมีการกราบบังคมทูลขอคำวินิจฉัยช่วยเลือกสถานที่ อยู่หรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า คงเป็นการมิบังควรที่จะกราบบังคมทูลของคำวินิจฉัย และจะเป็นการมอบภาระเกินความจำเป็น ทั้งนี้ เมื่อได้สถานที่แล้วก็อาจจะกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ และจะกราบบังคมทูลเชิญวางศิลาฤกษ์ต่อไป
พ.อ.อภิวันท์ ยังกล่าวว่า ในที่ประชุมทั้งหมดเห็นพ้องจะใช้สถานที่บริเวณคลังแสง อ.ปากเกร็ด เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ การจราจรไปมาสะดวก พื้นที่โดยรอบเป็นสวน สามารถปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงามได้ ไม่เป็นชุมชนแออัด แต่พื้นที่บริเวณคลังน้ำมัน ที่ท่าเรือคลองเตยนั้น แม้จะอยู่ในใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แต่การจราจรติดขัด ถนนทางเข้าแคบ บริเวณพื้นที่โดยรอบยังเป็นชุมชนแออัด ซึ่งอาจมีปัญหาเรื่องการ ไล่ที่ของชุมชนแออัดกว่าพันครอบครัว นอกจากนี้ ยังไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้ เพราะใต้ดินมีน้ำมันสะสมทำให้ดินเสื่อม หากเลือกสถานที่ตรงนี้อาจจะมีสภาพภูมิทัศน์ที่ไม่สวยงาม ทำให้รัฐสภาดูไม่สง่างาม
