xs
xsm
sm
md
lg

สภาโยกงบอัดฉีด ส.ส.หัวละ 1 แสน อ้างใช้พัฒนา ปชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.อภิวันท์  วิริยะชัย
สภาฯ สบช่องโยกงบให้ ส.ส.หัวละ 1 แสน อ้างใช้พัฒนาประชาธิปไตย ปฏิเสธไม่เกี่ยวหาเสียง ชี้ได้ทั้งฝ่ายค้านรัฐบาล ด้าน “สมัคร” เตรียมหนีบประธานสภาฯ-รองประธานสภาฯ ดูสถานที่ก่อสร้างสภาฯใหม่ท่าเรือคลองเตย

วันนี้ (3 ก.ค.) พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรจะมีงบประมาณให้ ส.ส.คนละ 1 แสนบาทเพื่อจัดสัมมนาให้ความรู้กับประชาชนว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นงบประมาณเพื่อดำเนินการพัฒนาประชาธิปไตย โดยสภาผู้แทนราษฏรจะใช้งบเหลือจ่ายในปี 2550 ซึ่งเตรียมไว้สำหรับการย้ายสภาผู้แทนราษฎรไปยังที่ทำการแห่งใหม่ เนื่องจากถึงขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เงินส่วนดังกล่าวจึงเหลืออยู่เพื่อเป็นการรักษาระเบียบวินัยทางการเงินและงบประมาณ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงอนุมัติเงินส่วนนี้เพื่อให้ ส.ส.นำไปปฏิบัติหน้าที่พัฒนาประชาธิปไตยโดยส่งเสริมให้ความรู้กับประชาชนเขตพื้นที่เลือกตั้งละ 1 แสนบาท ขอยืนยันว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินใหม่ ส.ส.แต่อย่างใด

พ.อ.อภิวันท์ กล่าวอีกว่า การใช้เงินดังกล่าวสภาผู้แทนราษฎรจะวางกรอบแนวทางในการใช้เงิน เหมือนกับสถาบันพระปกเกล้าหรือองค์กรอื่นที่มีการจัดสัมมนาให้ความรู้กับประชาชน โดยจะมีการวางกรอบการใช้เงินอย่างละเอียด อาทิ จำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนาอย่างน้อยต้องมีจำนวน 200 คนขึ้นไป งบประมาณค่าอาหารจะมีการกำหนดกรอบที่ชัดเจน โดยวัตถุประสงค์จะต้องเป็นการให้ความรู้กับประชาชนอย่างจริงจัง เมื่อมีการจัดงานแล้วจะมีการตรวจสอบและประเมินผลการทำงานว่าประสบความสำเร็จเพียงใด

“เงินจำนวนนี้คงมองว่าเป็นการให้เงินเพื่อหาเสียงไม่ได้เพราะไม่ได้จ่ายเงินให้ประชาชนคนใดทั้งสิ้นการเบิกจ่ายต้องมีใบเสร็จ ส่วนการประเมินจะมีการตรวจสอบว่าประชาชนไดรับความรู้เกี่ยวกับหลักประชาธิปไตยมากน้อยเพียงใด สภาได้กำหนดกรอบไว้ชัดเจนแล้วว่าจะใช้งบประมาณอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้สภาเคยปฏิบัติมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมเองตั้งใจจะสัมมนาให้กับเยาวชน ขอเรียนพี่น้องประชาชนด้วยว่าการจัดสัมมนาส่วนใหญ่ไม่เคยมีใครใช้เงินเหลือส่วนใหญ่จะใช้เกินและเข้าเนื้อทุกคน เพราะงบประมาณมีจำกัดมากๆ และเรายังล็อกด้วยจำนวนผู้ร่วมสัมมนา” รองประธานสภาผู้แทนราษฏรคนที่สองกล่าว

พ.อ.อภิวันท์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมของประธานและรองประธานได้ปรึกษากับสำนักงานเลขาธิกาสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาทั่วประเทศ แต่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตอบกลับมาว่าไม่มีศักยภาพเพียงพอ ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุด ในฐานะที่ ส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชนน่าจะรู้ดีว่าประชาชนส่วนใดที่ยังอ่อนด้อยที่ต้องรับการพัฒนา ส่วนหัวข้อในการจัดสัมมนาจะเปิดกว้างให้ส.ส.พิจารณาตามความเหมาะสม

ส่วนกรณีที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งข้อสังเกตการให้งบประมาณดังกล่าวอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นนักกฏหมายยืนยันว่าการให้งบประมาณไม่ขดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266 อย่างแน่นอน โดยไม่ถือเป็นการก้าวก่ายการทำงาน การคุณให้โทษ การเลื่อนยศปลดย้าย โดยเรื่องนี้ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของส.ส.ที่จะปฏิบัติได้ ทั้งนี้ได้มีการชี้แจงไปยังสมาชิกที่มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้จนได้ความเข้าใจแล้วเชื่อว่าคงไม่มีปัญหา

“ขอยืนยันว่าการสัมมนาครั้งนี้ไม่ใช่การหาเสียงของ ส.ส. เป็นงบประมาณที่ลงทุกพื้นที่ ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง ส.ส.รัฐบาลได้อย่างไร ส.ส.ฝ่ายค้านก็ได้อย่างนั้น โดยสภาจะเป็นผู้ตรวจสอบโดยอาจมีผู้ไม่ทำตามกรอบที่กำหนดเราจะว่ากล่าวได้” พ.อ.อภิวันท์ กล่าว

พ.อ.อภิวันท์ กล่าวอีกว่า สำหรับการคัดเลือกสถานที่ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ โดยประธานสภาผู้แทนราษฏรจะเชิญ รองประธานสภาผู้แทนราษฏร ซึ่งได้นัดประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาประชุมประชุมเพื่อหาข้อยุติสถานที่ในก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ โดยขณะนี้มีพื้นที่อยู่ในการพิจารณา 3 แห่ง คือ คลังแสงกรมสรรพาวุธ ทหารบกจ.นนทบุรี โรงงานไทยเมลอน อ.รังสิต และคลังน้ำมันท่าเรือคลองเตย โดยในวันที่ 5 ก.ค. นายกรัฐมนตรีกำหนดนัดหมายกับประธานและรองประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะเพื่อเดินทางไปตรวจสอบพื้นที่คลังน้ำมันท่าเรือคลองเตยอีกครั้งหนึ่งเพราะทราบว่าคลังน้ำมันเพิ่งหมดสัญญาเช่าของเอกชน โดยพื้นที่นี้เคยอยู่ในการพิจารณาของสภามาแล้วแต่ติดสัญญาเช่า โดยที่ดินดังกล่าวมีพื้นที่ทั้งหมด 265 ไร่ สามารถให้สภาผู้แทนราษฎรใช้ได้ 165 ไร่ ทั้งนี้หากได้ข้อสรุปในการคัดเลือกจะดำเนินการให้มีการวางศิลาฤกษ์ก่อนวันคล้ายวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น