“เหลิม” ปัดไม่ได้อยู่เบื้องหลังสั่งสลายม็อบ 7 ตุลา ลั่นเป็นคนไม่นิยมความรุนแรง ยันไม่ได้เสนอปลด ผบ.ตร.กลาง ครม. สอนมวยตำรวจก่อนสลายต้องมีการเจรจา-ประกาศให้ผู้ชุมนุมรู้วิธีการ ส่วนเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ ทำผิดขั้นตอนหรือไม่ไม่รู้ ชี้เป็นตำรวจไม่ใช่จะเข้าใจการสลายม็อบทุกคนต้องเคยทำงานด้านนี้มาก่อน เชื่อกรณีนี้เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค ย้ำระเบิดกระป๋องไม่ใช่ของตำรวจ
วันนี้ (15 ต.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสั่งสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า นิสัยตนเป็นคนทำสิ่งใดแล้วจะรับผิดชอบ หากทำจริงก็จะรับว่าเป็นคนทำ แต่กรณีนี้ข้อเท็จจริงตนไม่ได้เป็นคนทำ
“หนังสือพิมพ์ลงไม่ตรง และไม่มีการพูดในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะมีการตั้งใครขึ้นมาทำหน้าที่แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าผมเสนอก็เท่ากับกินยาผิด เพราะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะไปสั่งตำรวจทั้งสำนักงานได้อย่างไร ถึงสั่งก็ไม่มีใครเขาทำตาม แต่ผมไม่ได้สั่ง เพียงแต่เสนอว่าเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นต้องมีการตั้งบุคคลขึ้นมารับผิดชอบ จึงมีการตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนที่บอกว่าผมสั่งห้ามไม่ให้แพทย์และพยาบาลเข้าไปรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ ผมก็ไม่ได้สั่ง ถ้าสั่งเขาก็ไม่ทำตามเช่นเดียวกัน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
รมว.สธ. กล่าวอีกว่า ตนเป็น 1 ใน 2 ตำรวจกองปราบปรามที่ได้เรียนหลักสูตรการสลายการชุมนุมจากประเทศมาเลเซีย เป็นครูฝึกคอมมานโดทั้งหมด และสามารถสั่งการโดยใช้รหัสและตีกระดิ่งในการควบคุมฝูงชน และจากประสบการณ์การเป็นตำรวจกองปราบปรามมาเป็นเวลา 11 ปี ตนไม่นิยมใช้ความรุนแรง อย่างสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี จะมีการสลายการชุมนุม แต่ตนไม่ยอมและพูดว่าหากมีการสลายการชุมนุมตนจะลาออกก่อน จนในที่สุดตนจะต้องเป็นคนออกมาแถลงเองว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม
“อาชญากรรมที่สมบูรณ์ต้องทิ้งล่องลอยและพยายานหลักฐานไว้ ยิ่งมีการวางแผนดีก็จะถูกจับง่ายเท่านั้น ถามผมว่าผมเห็นด้วยกับการชุมนุม การเคลื่อนขบวนมายังหน้ารัฐสภาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ผมไม่เห็นด้วย ไม่ใช่วิธีการสันติ หากตำรวจเกิดระห่ำขึ้นมาแล้วทำอะไร บ้านเมืองก็ลุกเป็นไฟ ซึ่งตำรวจก็ไม่มีใครมีนิสัยเห็นประชาชนแล้วฆ่า ไม่งั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ถึงตอนนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา อาจเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคที่ไปใช้แก๊สน้ำตาจากประเทศอื่น เพราะปกติแก๊สน้ำตาจะทำอันตรายไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า หลักการที่ถูกต้องในการสลายการชุมนุมจะต้องยิงแก๊สน้ำตาในมุม 45 องศา แต่ก่อนที่จะมีการดำเนินการจะต้องเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุม โดยประกาศให้รับรู้ว่าขณะนี้ผู้ชุมนุมกำลังทำผิดกฎหมายในเรื่องใดแล้วให้ส่งผู้แทนมาร่วมเจรจา หากไม่เป็นผลก็จะต้องประกาศใหม่ว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
รมว.สธ.กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนวิธีการก็จะใช้โล่ดันผู้ชุมนุมแล้วใช้กระบองตี การฉีดน้ำไม่มีการใช้แล้ว เนื่องจากเป็นวิธีการที่รุนแรงเกินไป เคยมีผู้ได้รับบาดเจ็บตาทะลัก เมื่อเกิดพื้นที่ว่างขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปยึดพื้นที่กลับมา แต่หากยึดพื้นที่คืนไม่ได้ ก็ต้องประกาศบอกว่า ผู้ร่วมชุมนุมมีความผิดอย่างไร และให้เวลา 15 นาทีในการออกจากพื้นที่ มิเช่นนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการจับกุม ซึ่งทุกขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต้องประกาศบอกให้ผู้ร่วมชุมนุมรับรู้ก่อนเสมอ
“การสลายการชุมนุมไม่ใช่เป็นตำรวจแล้วจะเข้าใจทุกคน ต้องเคยทำงานด้านนี้มาด้วย แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่มีใครคิดฆ่าประชาชน กรณีนี้ทำผิดขั้นตอนหรือเปล่าผมไม่รู้ ไม่ขอพูด แต่การทำผิดขั้นตอนไม่ได้ผิดกฎหมาย คงไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งผู้ที่สั่งการต้องรับผิดชอบหรือไม่ ผมไม่รู้ใครสั่งเพราะไม่ได้เป็นคนสั่ง ถ้าผมเป็นคนสั่งการผมจะถ่ายทอดสดทั่วประเทศ ให้ประชาชนได้รู้และเห็น และยืนยันว่าระเบิดกระป๋องที่เป็นระเบิดเขวี้ยงที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ของตำรวจแน่นอน เพราะไม่มีเครื่องยิง สามารถเขวี้ยงได้ไกลสุดเพียง 120 เมตร จึงไปได้ไม่ไกล แต่ก็ไม่รู้ใครเป็นคนเอามา ก็ต้องรอผลตรวจสอบข้อเท็จจริง” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
