“พัชรวาท” เข้าเยี่ยมลูกน้องที่โรงพยาบาลตำรวจ ระบุเตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีสลายการชุมนุม อ้างที่ประชุมคณะกรรมการติดตามร่วม (คตร.) เห็นชอบหากให้ใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมต่อไป โยนให้ผู้เชี่ยวชาญตอบแก๊สน้ำตาทำให้แขนขาขาดได้หรือไม่ แถมฝากบอกพันธมิตรฯ ควรหยุดเคลื่อนไหวตลอด ไม่ใช่แค่ 3 วัน
วานนี้ (9 ต.ค.) ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ณรงค์ ศิริสุนทร ผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. เดินทางเข้าเยี่ยมอาการตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บที่ยังพักรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมมอบเงินจากกองทุนสวัสดิการให้นายละ 5,000 บาท และเงินส่วนตัวของ ผบ.ตร.ให้อีกจำนวนหนึ่ง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวถึงกรณีที่แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะเข้าร่วมมาตรวจสอบเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า การที่จัดคนกลางเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นสิ่งถูกต้องที่สุด ในส่วนของตำรวจเราก็ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเราไป โดยตนกำลังร่างหนังสือเพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงระดับ ตร.มาตรวจสอบในทุกแง่มุมตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุสาเหตุเป็นอย่างไร ทำไมจึงมีการบาดเจ็บ ทั้งที่ ตร.หารือและประชุมกันทุกอย่างแล้วว่าการเปิดเส้นทางรัฐสภาใช้มาตรการเบาที่สุด ให้ตำรวจกับผู้ชุมนุมอยู่ห่างกันมากที่สุด เป้าหมายเพื่อเปิดเส้นทางอย่างเดียว ไม่มีจุดประสงค์อื่น
ผบ.ตร.กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม การสูญเสียที่เกิดขึ้น การที่เราออกไปแก้ตัวโดยไม่มีผลพิสูจน์นั้นเป็นเรื่องลำบาก ที่ประชาชนยังเคลือบแคลงใจ ตนเห็นควรให้หาคนกลางมาดูแล ในส่วน ตร.ก็พยายามหาข้อเท็จจริงก่อนจะแถลงเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าตอบโต้เลยจะดูเป็นการแก้ตัว ต้องการพิสูจน์จริงๆ ว่าคนบาดเจ็บ ล้มตายเกิดจากอะไรเป็นเรื่องที่เราต้องดู สังคมจะได้รับทราบข้อเท็จจริง ซึ่งการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมีหลายระดับทั้งของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ ผบช.น.ต้องตั้งคณะกรรมการในส่วนของนครบาล ส่วนของ ตร.ต้องการดูภาพรวม ตอนนี้กำลังร่างคำสั่ง อยู่ระหว่างพิจารณาเนื้อหาเพื่อให้ครบกระบวนการ แล้วตั้งแล้วประชาชนต้องพอรับได้ ซึ่งอาจจะเป็น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ที่มีหน้าที่โดยตรง แต่ถ้าให้ดีต้องให้คนกลางมาดูแลข้อเท็จจริง ซึ่งถ้าเป็นไปได้ในส่วนของตร.จะพยายามเชิญคนนอกมาด้วย แต่คงไม่ใช่ดีเอสไอเพราะเป็นข้าราชการเหมือนกัน
ส่วนกรณีที่พันธมิตรฯ จะหยุดการเคลื่อนไหวภายใน 3 วัน ผบ.ตร.กล่าวว่า พันธมิตรฯ ก็คือคนไทย จริงๆ แล้วควรหยุดไปตลอดสถานการณ์บ้านเมืองน่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะถอนหมายจับบางข้อหาแต่ข้อหาอื่นก็ยังมีอยู่ ส่วนการจะดำเนินคดีกลับต่อผู้ที่ทำให้ตำรวจบาดเจ็บหรือไม่นั้นต้องรอผลสืบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน
ผบ.ตร.กล่าวถึงการหารือกองทัพว่า ที่ประชุม คตร.มีการถกเถียงทุกประเด็น มีความเห็นว่าเมื่อเป็นหน้าที่ต้องปฏิบัติก็ควรทำในกรอบที่ให้ประชาชนปลอดภัยมากที่สุดซึ่งในส่วนของตร.ก็พยายามเพราะตำรวจก็คือประชาชน ประชาชนก็คือตำรวจ ซึ่งที่ประชุมก็มีการตั้งคำถามเรื่องการยิงแก๊สน้ำตาว่าจะทำให้แขนขาขาดได้หรือไม่ แต่เราไม่อยากตอบ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตอบ แต่ย้ำว่าก่อนเราตัดสินใจจะใช้เราพิจารณาแล้วว่าอุปกรณ์ที่ใช้ต้องปลอดภัยที่สุด
“คตร.มีความเห็นหลากหลายว่า กรณีถ้าเกิดเหตุอย่างนี้อีกจะมีนโยบายอย่างไร ผมเองในฐานะผู้รับผิดชอบส่วนปฏิบัติโดยตรง สำนึกตลอดเวลาประชาชนคือคนไทยด้วยกัน ได้สอบถามที่ประชุมว่าต่อไปจะทำอย่างไร ถ้าต้องใช้น้ำฉีดเราไม่มีของตัวเอง ต้องขอจากหน่วยอื่นซึ่งไม่ได้ ที่ประชุมส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันต่อไป หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้ก็ต้องใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งเบาที่สุด และต่อไปจากนี้ทหารจะเข้ามาร่วมช่วยตำรวจในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงานมากขึ้นจะมาช่วยควบคุมสถานการณ์ตั้งแต่แรก” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรเมื่อทุกอย่างพุ่งเป้าความรับผิดชอบมาที่ตำรวจ ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็มีหน้าที่รับผิดชอบก็ต้องรับผิดชอบ ตนในฐานะหัวหน้าส่วนราชการต้องดูแลลูกน้องอย่างดีที่สุด สุดความสามารถ ตนคงจะต้องรับผิดชอบในส่วนการสั่งการตามแนวทางราชการ