เลขาธิการ สปสช.เผย ภาพรวมฟอกไตบัตรทองยังมีปัญหาค่าบริการกับ รพ.เอกชน เร่งเกลี่ยคิวให้ผู้ป่วยได้ใช้บริการตามสิทธิ์ เผย ยังมีปัญหาถูกเรียกเก็บเงินเกินอัตราที่กำหนด เตรียมหาทางแก้ไขต่อไป ขณะที่ สสจ.อุบลราชธานี ตัวอย่างจัดการเครือข่ายส่งต่อได้ดี หาก รพ.มีผู้ป่วยฟอกเลือดเต็ม จะส่ง รพ.ที่เป็นเครือข่าย
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า จากการที่สิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายตามหลักเกณฑ์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น สถานการณ์ภาพรวมขณะนี้สามารถดำเนินไปด้วยดี แม้ว่าจะยังมี รพ.เอกชนส่วนหนึ่งที่ยังไม่สมัครเข้าร่วมโครงการฟอกเลือด เนื่องจากยังมีปัญหาค่าบริการ ซึ่งจะเชื่อมถึงผู้ป่วยรายเก่าที่ฟอกเลือดอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม สปสช.ได้ดำเนินการเกลี่ยคิวเพื่อให้ผู้ป่วยรายเก่าที่ฟอกเลือดอยู่แล้วได้ใช้บริการเช่นเดิม
ขณะที่ปัญหาด้านการร้องเรียน และเรื่องสอบถามที่แจ้งผ่านสายด่วน สปสช.1330 เกี่ยวกับบริการฟอกเลือดนั้น ยังมีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งร้องเรียนเรื่องการถูกเรียกเก็บเงินเกินอัตราที่กำหนด ซึ่ง สปสช.กำหนดให้ผู้ป่วยร่วมจ่ายไม่เกิน 500 บาท และ สปสช.ชดเชยให้หน่วยบริการ 1,000 บาท แต่เนื่องจากปัญหาบางประการส่งผลให้หน่วยบริการเรียกเก็บจากผู้ป่วยเกิน ตรงนี้ทาง สปสช.จะดำเนินการเพื่อหาความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งผู้ป่วยและหน่วยบริการที่ให้บริการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนสปสช.1330
ด้าน นพ.วุฒิไกร มุ่งหมาย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ใน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้ ในภาพรวมยังดำเนินไปได้ด้วยดี โดยใช้การจัดการในระบบเครือข่าย เช่น รพ.ใน จ.ศรีสะเกษ มีผู้ป่วยจำนวนมาก ก็จะส่งต่อมาฟอกเลือดที่ รพ.ใน จ.อุบลราชธานี การจัดการในลักษณะเครือข่ายนี้ดำเนินใน จ.ใกล้เคียง เช่น จ.ศรีสะเกษ จ.ยโสธร เป็นต้น ส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับการฟอกเลือดสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก ที่ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจาก รพ.เอกชน โดยในเขตพื้นที่นี้มีรพ.เอกชนเข้าร่วมโครงการ 6 แห่ง มีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ยังไม่ส่งใบสมัคร ซึ่งก็เพียงพอในการรองรับผู้ป่วยที่ต้องฟอกเลือดประมาณ 100 คน