เลขาธิการ สปสช.รุกให้กำลังใจผู้ป่วยบัตรทองพร้อมเยี่ยมชมการดำเนินการฟอกเลือด รพ.บ้านแพ้วพร้อมมิตร และคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ที่เริ่มดีเดย์ 1 ต.ค.เป็นต้นไป เผย หน่วยบริการของรัฐทุกแห่งรพ.ร่วมดำเนินการ ขณะที่เอกชนเข้าร่วมกว่า 60 แห่ง มั่นใจการเกลี่ยคิวไม่มีปัญหา ผู้ป่วยรายเดิมใช้บริการได้ต่อไป แจงเริ่มโครงการอาจมีปัญหาบ้าง แต่เชื่อมั่นแก้ไขได้ ขณะที่ผู้ป่วยโรคไตขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยดูแลผู้ป่วยโรคไต ไม่ต้องหมดตัวจากค่าฟอกเลือด
วันนี้ (1 ต.ค.) นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินทางไปที่ รพ.บ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) สาขาพร้อมมิตร เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเริ่มให้บริการฟอกเลือดกับผู้ป่วยบัตรทองตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป
นพ.วินัย กล่าวต่อว่า สิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา โดยเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2550 ซึ่งการบริการนั้นจะมีการขยายบริการไปเป็นระยะโดย สปสช.ส่งเสริมบริการทดแทนไตด้วยการล้างไตผ่านช่องท้อง และการผ่าตัดเปลี่ยนไตเป็นหลักโดยผู้ป่วยไม่ต้องร่วมจ่าย สำหรับบริการทดแทนไตด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนั้น เริ่มให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะให้บริการฟอกเลือดสำหรับผู้ป่วยรายเก่าที่เลือกวิธีการฟอกเลือดต่อไป จะได้รับความคุ้มครองโดยร่วมจ่ายไม่เกิน 500 บาท สปสช.ชดเชยให้หน่วยบริการ 1,000 บาท ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่ยืนยันจะใช้วิธีฟอกเลือดต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ยกเว้นผู้ป่วยรายใหม่ที่ต้องฟอกเลือด โดยมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ผู้ป่วยไม่ต้องจ่าย โดย สปสช.รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้หน่วยบริการครั้งละ 1,500 บาท
“วันนี้ได้มาเยี่ยมชมการบริการของ รพ.บ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตร และคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา (พระรามเก้า) ต้องขอชื่นชมแพทย์ พยาบาล ตลอดจนบุคลากรทุกท่านอย่างสูง ที่ให้บริการผู้ป่วยอย่างเต็มที่ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยที่ดีขึ้น และสภาวะเศรษฐกิจของครอบครัวที่ไม่ต้องล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาล ต้องยอมรับว่า ในระยะเริ่มแรกของการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมนั้นอาจจะมีปัญหาบ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างลงตัวเพื่อผู้ป่วยมีชีวิตที่ดีขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขมีแผนที่จะเพิ่มการบริการทดแทนไตด้วยวิธีล้างไตผ่านช่องท้องและการฟอกเลือดทั่วประเทศ โดยมีมูลนิธิหรือเอกชนที่ไม่แสวงหาผลกำไรเข้ามาช่วย”เลขาธิการ สปสช.กล่าว
นพ.วินัย กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการขณะนี้ มีผู้ป่วยไตวายสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมทั่วประเทศ 6,200 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ใช้บริการที่เป็นหน่วยบริการเอกชน 4,000 ราย สำหรับหน่วยบริการนั้นมีหน่วยบริการของรัฐทุกแห่งเข้าร่วมโครงการฯ ขณะที่หน่วยบริการเอกชนซึ่งยังติดขัดปัญหาบางด้านนั้น ได้สมัครเข้าร่วมทั้งประเภทถาวรและชั่วคราวรวม 158 แห่ง ที่เหลือกอีก 22 แห่ง ไม่สมัครเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม สปสช.ร่วมมือกับหน่วยบริการของเอกชนจำนวนหนึ่งสามารถที่จะรับผู้ป่วยจากหน่วยบริการที่ไม่ได้เข้าร่วมมาใช้บริการที่หน่วยงานใหม่ได้โดยเรียกว่าการเกลี่ยคิวซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้บริการได้เหมือนเดิมต่อไป
ด้าน นางพรศิลป์ แสนรัตน์ อายุ 50 ปี ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า กล่าวว่า ตนป่วยเป็นโรคไตมากว่า 5 ปี และใช้บริการฟอกเลือดที่ รพ.บ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตรมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เมื่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ป่วยไตวาย ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 นั้น ทางแพทย์แนะนำให้ตนลองเปลี่ยนมาเป็น การล้างไตทางช่องท้องแทน เพราะระยะนั้นสิทธิบัตรทองครอบคลุม เบื้องต้นก็เปลี่ยนมาใช้ ซึ่งดีกับร่างกายมาก ไม่ต้องมา รพ.ตลอด แพทย์สอนให้จนทำเองที่บ้านได้ สำหรับเพื่อนผู้ป่วยที่เคยฟอกเลือดและไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้ล้างไตทางช่องท้องได้ก็มีอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งวันนี้ (1 ต.ค.) สิทธิบัตรทองก็ครอบคลุมแล้ว ก็ดีใจมาก ที่สำคัญคือ เรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเพื่อนผู้ป่วยหลายรายหมดค่ารักษาพยาบาลจนชีวิตย่ำแย่ บางคนฟอกเลือดไม่สม่ำเสมอเพราะไม่เงิน ขอขอบคุณทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น สปสช.รัฐบาล รพ.รัฐ เอกชนและหมอพยาบาล ที่ร่วมโครงการครั้งนี้ ช่วยต่อชีวิตผู้ป่วย และทำให้พวกเรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ล้มละลายจากค่ารักษาอีกต่อไป