“กษมา” ส่งเจ้าหน้าที่เป็นทูตต่อรองกรมบัญชีกลาง หวังเพิ่มรายการให้เบิกได้ ยัน สพฐ.อนุญาตให้ โรงเรียนเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
นางผานิตย์ มีสุนทร ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ เปิดเผยว่า คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้สำนักการคลังและสินทรัพย์ ไปเจรจากับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อขอเพิ่มประเภทเงินบำรุงการศึกษาที่อนุญาตให้ข้าราชการเบิกเงินคืนได้ เนื่องจากหนังสือที่กรมบัญชีกลางแจ้งไปยังส่วนราชการต่างๆ นั้น กำหนดให้ข้าราชการเบิกเงินบำรุงการศึกษาเพียง 7 รายการ ขณะที่ สพฐ.อนุญาตให้สถานศึกษาในสังกัด เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองถึง 15 รายการ
ทั้งนี้ ทาง สพฐ.ประกาศให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองสำหรับห้องเรียนพิเศษ 3 ประเภท คือ ห้องเรียน English Program (EP) ห้องเรียน Mini English Program (MEP) ห้องเรียนด้านวิชาการและด้านอื่นๆ และให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ 12 รายการ ดังนี้ 1.โครงการพัฒนาทักษะนักเรียนนอกเวลาเรียน 2.ค่าค่าสอนคอมพิวเตอร์ กรณี ร.ร.จัดคอมพิวเตอร์บริการนักเรียนเกินเกณฑ์มาตรฐาน 1 เครื่องต่อ 25 คน 3.ค่าอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษานอกเวลาเรียน 4.ค่าจ้างครูชาวต่างประเทศ 5.ค่าจ้างครูผู้สอนในวิชาที่ขาดแคลน 6.ค่าตอบแทนวิทยากรภายนอก 7.ค่าตอบแทนการสอนนอกเวลา 8.ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 9.ค่าวารสาร ร.ร.10.ค่าเรียนปรับพื้นฐานความรู้ 11.ค่าทัศนศึกษา และ 12.ค่าสาธารณูปโภคสำหรับห้องเรียนปรับอากาศ รวม 2 ส่วน สพฐ.อนุญาตให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้ 15 รายการ โดย สพฐ.รายการที่อนุญาตให้ ร.ร.ในสังกัดเก็บค่าใช้จ่ายได้ซึ่งอยู่ในแนบท้ายประกาศกระทรวงศึกษาว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษาในกรมบัญชีกลางใช้ประกอบการพิจารณาสำหรับการกำหนดประเภทและอัตราเงินบำรุงการศึกษาที่อนุญาตให้ข้าราชการเบิกได้
แต่ กรมบัญชีกลาง กำหนดให้เบิกเงินบำรุงการศึกษาได้แค่ 7 รายการ คือ 1.ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องเรียน English Program (EP) 2.ห้องเรียน Mini English Program (MEP) 3.ห้องเรียนด้านวิชาการและด้านอื่นๆ 4.ค่าสอนคอมพิวเตอร์ กรณี ร.ร.จัดคอมพิวเตอร์บริการนักเรียนเกินเกณฑ์มาตรฐาน 1 เครื่องต่อ 25 คน 5.ค่าจ้างครูชาวต่างประเทศ 6.ค่าจ้างครูที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะ และ 7.ค่าทัศนศึกษา
“ที่เหลือ 8 รายการนั้น กรมบัญชีกลางไม่อนุญาตให้เบิก เพราะกรมบัญชีกลางไม่เข้าใจว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้ง 12 รายการนั้น ส่งผลโดยตรงต่อผู้เรียน คุณหญิงกษมา จึงมอบสำนักการคลังไปชี้แจ้งให้กรมบัญชีกลางเข้าใจ เพื่อขอเพิ่มรายการที่อนุญาตให้เบิกได้”
นางผานิตย์ กล่าวว่า หากไปเจรจรกับกรมบัญชีกลางแล้วยังยืนยันให้เบิกได้เพียง 7 รายการ สพฐ.ไม่สามารถสั่งโรงเรียนให้เลิกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายการที่เบิกไม่ได้ เพราะทางโรงเรียนเคยสะท้อนว่ารายการที่เรียกเก็บนั้นเป็นความจำเป็น และจริงๆ แล้ว โรงเรียนของสพฐ. 91% ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง ที่ยังเรียกเก็บอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนดังที่มีค่าใช้จ่ายเยอะ แต่ค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองจ่ายให้โรงเรียนมีผลโดยตรงต่อเด็ก
ขณะที่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตนเห็นว่า รายการที่กรมบัญชีกลางน่าจะอนุญาตให้เบิกได้อีก คือ 3 รายการ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ค่าตอบแทนวิทยากรภายนอกและ ค่าเรียนปรับพื้นฐานความรู้ เพราะมีความจำเป็นกับนักเรียนอย่างมาก
นางผานิตย์ มีสุนทร ผู้อำนวยการสำนักการคลังและสินทรัพย์ เปิดเผยว่า คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบหมายให้สำนักการคลังและสินทรัพย์ ไปเจรจากับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อขอเพิ่มประเภทเงินบำรุงการศึกษาที่อนุญาตให้ข้าราชการเบิกเงินคืนได้ เนื่องจากหนังสือที่กรมบัญชีกลางแจ้งไปยังส่วนราชการต่างๆ นั้น กำหนดให้ข้าราชการเบิกเงินบำรุงการศึกษาเพียง 7 รายการ ขณะที่ สพฐ.อนุญาตให้สถานศึกษาในสังกัด เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองถึง 15 รายการ
ทั้งนี้ ทาง สพฐ.ประกาศให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครองสำหรับห้องเรียนพิเศษ 3 ประเภท คือ ห้องเรียน English Program (EP) ห้องเรียน Mini English Program (MEP) ห้องเรียนด้านวิชาการและด้านอื่นๆ และให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาได้ 12 รายการ ดังนี้ 1.โครงการพัฒนาทักษะนักเรียนนอกเวลาเรียน 2.ค่าค่าสอนคอมพิวเตอร์ กรณี ร.ร.จัดคอมพิวเตอร์บริการนักเรียนเกินเกณฑ์มาตรฐาน 1 เครื่องต่อ 25 คน 3.ค่าอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษานอกเวลาเรียน 4.ค่าจ้างครูชาวต่างประเทศ 5.ค่าจ้างครูผู้สอนในวิชาที่ขาดแคลน 6.ค่าตอบแทนวิทยากรภายนอก 7.ค่าตอบแทนการสอนนอกเวลา 8.ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน 9.ค่าวารสาร ร.ร.10.ค่าเรียนปรับพื้นฐานความรู้ 11.ค่าทัศนศึกษา และ 12.ค่าสาธารณูปโภคสำหรับห้องเรียนปรับอากาศ รวม 2 ส่วน สพฐ.อนุญาตให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายได้ 15 รายการ โดย สพฐ.รายการที่อนุญาตให้ ร.ร.ในสังกัดเก็บค่าใช้จ่ายได้ซึ่งอยู่ในแนบท้ายประกาศกระทรวงศึกษาว่าด้วยเงินบำรุงการศึกษาในกรมบัญชีกลางใช้ประกอบการพิจารณาสำหรับการกำหนดประเภทและอัตราเงินบำรุงการศึกษาที่อนุญาตให้ข้าราชการเบิกได้
แต่ กรมบัญชีกลาง กำหนดให้เบิกเงินบำรุงการศึกษาได้แค่ 7 รายการ คือ 1.ค่าใช้จ่ายสำหรับห้องเรียน English Program (EP) 2.ห้องเรียน Mini English Program (MEP) 3.ห้องเรียนด้านวิชาการและด้านอื่นๆ 4.ค่าสอนคอมพิวเตอร์ กรณี ร.ร.จัดคอมพิวเตอร์บริการนักเรียนเกินเกณฑ์มาตรฐาน 1 เครื่องต่อ 25 คน 5.ค่าจ้างครูชาวต่างประเทศ 6.ค่าจ้างครูที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาเฉพาะ และ 7.ค่าทัศนศึกษา
“ที่เหลือ 8 รายการนั้น กรมบัญชีกลางไม่อนุญาตให้เบิก เพราะกรมบัญชีกลางไม่เข้าใจว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทั้ง 12 รายการนั้น ส่งผลโดยตรงต่อผู้เรียน คุณหญิงกษมา จึงมอบสำนักการคลังไปชี้แจ้งให้กรมบัญชีกลางเข้าใจ เพื่อขอเพิ่มรายการที่อนุญาตให้เบิกได้”
นางผานิตย์ กล่าวว่า หากไปเจรจรกับกรมบัญชีกลางแล้วยังยืนยันให้เบิกได้เพียง 7 รายการ สพฐ.ไม่สามารถสั่งโรงเรียนให้เลิกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมรายการที่เบิกไม่ได้ เพราะทางโรงเรียนเคยสะท้อนว่ารายการที่เรียกเก็บนั้นเป็นความจำเป็น และจริงๆ แล้ว โรงเรียนของสพฐ. 91% ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากผู้ปกครอง ที่ยังเรียกเก็บอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนดังที่มีค่าใช้จ่ายเยอะ แต่ค่าใช้จ่ายที่ผู้ปกครองจ่ายให้โรงเรียนมีผลโดยตรงต่อเด็ก
ขณะที่ คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตนเห็นว่า รายการที่กรมบัญชีกลางน่าจะอนุญาตให้เบิกได้อีก คือ 3 รายการ ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ค่าตอบแทนวิทยากรภายนอกและ ค่าเรียนปรับพื้นฐานความรู้ เพราะมีความจำเป็นกับนักเรียนอย่างมาก
