“ปองพล” เผยคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศห่วงสถานการณ์ปราสาทพระวิหาร เร่งหาข้อยุติ หลังรับเอกสารศาลปกครองของไทยห้ามใช้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา พร้อมระบุอุทยานฯ พระนครศรีอยุธยารอดพ้นถอดมรดกโลกในกลุ่มเสี่ยงอันตราย
นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ซึ่งได้ร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 32 (32nd Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค. 2551 ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลก เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการมรดกโลก ที่ได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตราย (State of Conservation of the Properties inscribed on the List of World Heritage in Danger) จำนวน 31 แห่ง ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีแหล่งมรดกโลกของไทยได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตราย เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
นายปองพล กล่าวอีกว่า ได้มีการพบปะนอกรอบกับคณะผู้แทนประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี โมร็อกโก และสหรัฐ ซึ่งคณะผู้แทนจากประเทศเหล่านี้ทราบว่าได้รับการเชิญจากรัฐบาลกัมพูชา ให้เดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร จึงทำให้ได้รับข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้คณะผู้แทนเหล่านี้ได้เข้าใจ และให้ความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
นายปองพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 ประเทศ และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้รับเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ของไทย ซึ่งลงนามโดยนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบถึงคำสั่งศาลปกครองที่ให้คุ้มครองชั่วคราว ซึ่งห้ามไม่ให้ใช้แถลงการณ์ร่วมประกอบการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา นอกจากนี้ คณะกรรมการหลายคนได้เข้าใจและแสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ และพยายามหาข้อยุติที่จะไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชา
“ทั้งนี้ จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในหมู่ประเทศเอเชียและแปซิฟิก คาดว่าคงจะพูดถึงกรณีปราสาทพระวิหารด้วย นอกจากนี้ เช้าวันที่ 5 ก.ค. เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของที่ประชุม ซึ่งทราบว่าประธานจะหารือเกี่ยวกับวาระ 8 ปีในส่วนที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารด้วย โดยได้ทราบเป็นการภายในว่าอาจจะเสนอให้พิจารณากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องสุดท้าย เพื่อให้เวลากรรมการปรึกษาหารือและศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน” นายปองพล กล่าว
นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย ซึ่งได้ร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 32 (32nd Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 2-10 ก.ค. 2551 ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลก เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการมรดกโลก ที่ได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตราย (State of Conservation of the Properties inscribed on the List of World Heritage in Danger) จำนวน 31 แห่ง ซึ่งไม่ปรากฏว่ามีแหล่งมรดกโลกของไทยได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตราย เช่น อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น
นายปองพล กล่าวอีกว่า ได้มีการพบปะนอกรอบกับคณะผู้แทนประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี โมร็อกโก และสหรัฐ ซึ่งคณะผู้แทนจากประเทศเหล่านี้ทราบว่าได้รับการเชิญจากรัฐบาลกัมพูชา ให้เดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร จึงทำให้ได้รับข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้คณะผู้แทนเหล่านี้ได้เข้าใจ และให้ความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา
นายปองพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 ประเทศ และองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้รับเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ของไทย ซึ่งลงนามโดยนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แจ้งให้ทราบถึงคำสั่งศาลปกครองที่ให้คุ้มครองชั่วคราว ซึ่งห้ามไม่ให้ใช้แถลงการณ์ร่วมประกอบการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา นอกจากนี้ คณะกรรมการหลายคนได้เข้าใจและแสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ และพยายามหาข้อยุติที่จะไม่กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชา
“ทั้งนี้ จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในหมู่ประเทศเอเชียและแปซิฟิก คาดว่าคงจะพูดถึงกรณีปราสาทพระวิหารด้วย นอกจากนี้ เช้าวันที่ 5 ก.ค. เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของที่ประชุม ซึ่งทราบว่าประธานจะหารือเกี่ยวกับวาระ 8 ปีในส่วนที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารด้วย โดยได้ทราบเป็นการภายในว่าอาจจะเสนอให้พิจารณากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องสุดท้าย เพื่อให้เวลากรรมการปรึกษาหารือและศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน” นายปองพล กล่าว