นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย เปิดเผยระหว่างการเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่เมืองควิเบก ประเทศแคนาดาว่า ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 32 ในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญามรดกโลก โดยที่ประชุมจะได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารจัดการมรดกโลก ที่ได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตรายจำนวน 31 แห่ง ซึ่งไม่ปรากฏว่า มีอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา แหล่งมรดกโลกของไทยได้รับการขึ้นบัญชีในภาวะเสี่ยงอันตราย
ทั้งนี้ ได้มีการพบปะนอกรอบกับคณะผู้แทนประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี โมร็อกโก และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะผู้แทนจากประเทศเหล่านี้ทราบว่าได้รับการเชิญจากรัฐบาลกัมพูชา ให้เดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร จึงทำให้ได้รับข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้คณะผู้แทนเหล่านี้ได้เข้าใจ และให้ความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน ระหว่างไทยกับกัมพูชา
นายปองพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 ประเทศและยูเนสโก ได้รับเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยแล้ว ที่แจ้งให้ทราบถึงคำสั่งศาลปกครองที่ให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้ใช้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ประกอบการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมกันนี้คณะกรรมการหลายคนเข้าใจ และแสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ และพยายามหาข้อยุติที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชา
ทั้งนี้ ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของที่ประชุม ซึ่งทราบว่าประธานจะหารือเกี่ยวกับวาระ 8 ปี ในส่วนที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารด้วย โดยทราบเป็นการภายในว่า อาจจะมีการเสนอให้พิจารณากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องสุดท้าย เพื่อให้เวลาคณะกรรมการปรึกษาหารือและศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
ทั้งนี้ ได้มีการพบปะนอกรอบกับคณะผู้แทนประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี โมร็อกโก และสหรัฐอเมริกา ซึ่งคณะผู้แทนจากประเทศเหล่านี้ทราบว่าได้รับการเชิญจากรัฐบาลกัมพูชา ให้เดินทางไปเยี่ยมชมปราสาทพระวิหาร จึงทำให้ได้รับข้อมูลจากมุมมองของฝ่ายกัมพูชาฝ่ายเดียว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยได้ชี้แจงให้คณะผู้แทนเหล่านี้ได้เข้าใจ และให้ความสำคัญในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสมควรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกัน ระหว่างไทยกับกัมพูชา
นายปองพล กล่าวอีกว่า คณะกรรมการมรดกโลกทั้ง 21 ประเทศและยูเนสโก ได้รับเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศของไทยแล้ว ที่แจ้งให้ทราบถึงคำสั่งศาลปกครองที่ให้คุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้ใช้แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ประกอบการพิจารณาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมกันนี้คณะกรรมการหลายคนเข้าใจ และแสดงความเป็นห่วงในสถานการณ์ และพยายามหาข้อยุติที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชา
ทั้งนี้ ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารของที่ประชุม ซึ่งทราบว่าประธานจะหารือเกี่ยวกับวาระ 8 ปี ในส่วนที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารด้วย โดยทราบเป็นการภายในว่า อาจจะมีการเสนอให้พิจารณากรณีปราสาทพระวิหารเป็นเรื่องสุดท้าย เพื่อให้เวลาคณะกรรมการปรึกษาหารือและศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
