xs
xsm
sm
md
lg

ปลัดกทม.ลั่นต้องได้ผลสรุปข้อเท็จจริงบีอาร์ทีภายในพรุ่งนี้ หลังสอบนาน 2 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โมเดลจำลองทางเดินรถบีอาร์ที
ปลัดกทม.ดีเดย์ 4 ก.ค.ผลสรุปข้อเท็จจริงซื้อรถบีอาร์ทีต้องถึงมือ หลังใช้เวลาสอบถึง 60 วัน ขณะที่ผอ.กฎหมายชี้อาจส่งไม่ทันวันศุกร์นี้เพราะต้องล่าลายเซ็นกรรมการใหม่หลังแก้ไขสำนวนอีกรอบ เผยยกเลิกสัญญาไม่ได้ ถ้าฮั้วต้องศาลตัดสินไม่เกี่ยวกทม.

นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม นี้ทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจัดซื้อรถประจำทางด่วนพิเศษ(Bangkok BRT) ที่กทม.ได้แต่งตั้งขึ้นโดยมีนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัด กทม.เป็นประธาน และมีตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด สภาทนายความ กรมบัญชีกลางรวมเป็นคณะกรรมการจะต้องส่งสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลังจากที่ตนได้ขอให้คณะกรรมการชุดนี้วินิจฉัยเพิ่มเติมในประเด็นข้อกฎหมายหลังจากที่ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้เสนอราคาทั้ง 2 รายคือบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลกับ บริษัทปรินทร์ อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต จำกัด ณ วันที่ยื่นเอกสารไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน คุณสมบัติครบตามที่เงื่อนไขการประกวดราคา(ทีโออาร์) กำหนดและไม่ผิดระเบียบพัสดุกทม.แต่อย่างใด แต่ตรวจสอบต่อเนื่องจึงพบว่าผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทได้ร่วมกันถือหุ้นในบริษัทที่ 3 คือบริษัทซันลอง มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งคณะกรรมการฯจะต้องชี้แจงในประเด็นนี้ว่าจะมีผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง
โดยในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ ทางคณะกรรมการจะต้องส่งสรุปผลการสอบสวนให้กับตน หลังจากคบกำหนดการขอขยายระยะเวลาสอบเพิ่มเติมอีก 30 วัน จากที่เดิมที่ใช้เวลาตรวจสอบมาแล้ว 3 วัน อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่ได้นิ่งเฉยต่อการตรวจสอบแต่ได้พยายามเร่งรัดเวลาให้มีการตรวจสอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วแล้วดังนั้นภายในวันศุกร์นี้ตนจะต้องได้รับผลการตรวจสอบ ส่วนจะมีการเสนอให้ยกเลิกโครงการหรือไม่ตนยังไม่ทราบ

ด้านนายกฤษฎา กลันทานนท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมายและคดี กทม. 1 ในคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเซ็นลงนามเห็นชอบในสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงใหม่หลังจากที่ได้มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำในสำนวนใหม่ ซึ่งไม่ทราบว่าคณะกรรมการฯจะลงนามครบทุกรายเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม สรุปผลการตรวจสอบที่ปรับใหม่นี้จะไม่มีการเสนอข้อคิดเห็นว่าควรจะเดินหน้าหรือยกเลิกโครงการแม้จะตรวจสอบพบว่าผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทถือหุ้นร่วมกันในบริษัทที่ 3 ก็ตามเพราะนี้เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ถึงแม้ว่าทั้ง 2 บริษัทอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือพ.ร.บ.ฮั้ว เพราะถือหุ้นร่วมกันในบริษัทที่ 3 ก็ต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสินไม่ได้เกี่ยวข้องกับกทม.ดังนั้น กทม.จะต้องเดินหน้าโครงการต่อไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้
กำลังโหลดความคิดเห็น