ผลสอบ “บีอาร์ที” พบพิรุธ 2 บริษัทยื่นประมูลมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันในบริษัทที่ 3 คณะกรรมการไม่กล้าฟันธงผิด พ.ร.บ.ฮั้ว “พงศ์ศักติฐ์” เผยคณะกรรมการไม่ได้เสนอ “ยกเลิก” หรือ “เดินหน้า” สั่งสำนักงานกฎหมายและคดีฯ เสนอความเห็นเป็นข้อกฎหมายให้ “อภิรักษ์” เลือก โละหรือไปต่อ
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้รับผลสรุปการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจัดซื้อรถประจำทางด่วนพิเศษ (Bangkok BRT) จากคณะกรรมการที่ กทม.ได้ตั้งขึ้นโดยมีนางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองปลัด กทม.เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการยังมีตัวแทนจากหน่วยงานภายนอก 3 แห่ง คือ สำนักงานอัยการสูงสุด สภาทนายความ กรมบัญชีกลาง รวมอยู่ด้วย โดยคณะกรรมการได้สรุปผลสอบให้กับตนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ใช้เวลาในการตรวจสอบทั้งสิ้น 2 เดือนครึ่ง ซึ่งตนได้มีคำสั่งแต่งตั้งขึ้นภายหลังจากที่คุณหญิงณัษฐนนท ทวีสิน อดีตปลัดกทม. ได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินการตรวจสอบโครงการ โดยระบุว่ามีการฮั้วประมูลโครงการเกิดขึ้น
นายพงศ์ศักติฐ์ กล่าวต่อว่า และในวันนี้ตนได้ส่งสำนวนดังกล่าวให้กับทางสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักปลัดกทม. ดำเนินการสรุปสำนวนที่คณะกรรมการสอบเสนอมาอีกครั้ง เนื่องจากสิ่งที่คณะกรรมการสอบสรุปมานั้นเป็นเพียงสำนวนการสอบข้อเท็จจริงเท่านั้นไม่ใช่บันทึกความเห็น อีกทั้งสำนวนค่อนข้างมีรายละเอียดจำนวนมาก ซึ่งกรรมการไม่ได้เสนอแนวทางใดๆ ว่าจะยกเลิกการประมูลหรือจะเดินหน้าประกวดราคาต่อไป ดังนั้น ตนจึงต้องให้สำนักงานกฎหมายและคดี ฯ เสนอความเห็นที่เป็นข้อกฎหมาย เพื่อมีทางเลือกให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.พิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกแนวทางใด ส่วนจะมีการเสนอให้ยกเลิกโครงการหรือไม่ตนยังไม่ทราบ
ด้าน นางวรรณวิไล กล่าวว่า สำหรับผลการสอบของกรรมการฯ ได้สรุปเสร็จสิ้นตั้งแต่เมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งกรรมการส่วนใหญ่ได้เซ็นลงนามหมดแล้ว เหลือเพียงกรรมการฯ จากหน่วยงานภายนอกเพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ลงนามในผลสอบ เนื่องจากติดเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้กลับมาถึงไทยและได้อ่านสำนวนการสอบสวนแล้ว ซึ่งท่านได้ขอปรับถ้อยคำในสำนวนเล็กน้อย และนัดกรรมการประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เวลา 14.00 น.ทั้งนี้ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้หรือไม่
นางวรรณวิไล กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ปลัด กทม.ระบุว่าได้รับผลสอบจากกรรมการฯ แล้วนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นชุดใด แต่คาดว่าอาจจะได้ผลสอบชุดที่กรรมการฯ ยังเซ็นลงนามไม่ครบ อย่างไรก็ตามหากในวันพรุ่งนี้กรรมการฯ สรุปผลแล้วเสร็จก็จะเสนอรายงานไปให้ปลัดกทม.ทันที
สำหรับผลสอบของกรรมการฯ ชุดดังกล่าว ได้สรุปสำนวนว่าคุณสมบัติของผู้เสนอราคาทั้ง 2 ราย คือ บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลกับ บริษัทปรินทร์ อิมพอร์ต เอ็กพอร์ต จำกัด ณ วันที่ยื่นเอกสารไม่มีผลประโยชน์ร่วมกัน คุณสมบัติครบตามที่เงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) กำหนดและไม่ผิดระเบียบพัสดุ กทม.แต่อย่างใด แต่คณะกรรมการฯ พบความผิดปกติที่ผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัทไปมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันในบริษัทที่ 3 คือ บริษัทซันลอง มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างไรก็ตาม กรรมการฯ ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นจะเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว เนื่องจากเรื่องนี้สามารถมองได้เป็น 2 แนวหากสรุปความเห็นจะทำให้ความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย เพราะขึ้นอยู่กับมุมมอง ดังนั้น กรรมการฯ จึงสรุปเฉพาะข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบเท่านั้น