นักธุรกิจส่วนตัว โร่ร้องสมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรม เผยแพร่ภาพ “สวภัทร สมสกุล” นักต้มตุ๋น 18 มงกุฎ หลอกเหยื่อลูกนักการเมืองและเพื่อนสนิท ร่วมธุรกิจเต็นท์รถ และลวงเอาเงินสด รถหรู อสังหาริมทรัพย์อื่นๆ สูญมูลค่านับ 25 ล้าน ระบุ นักตุ๋นชอบแต่งตัวเป็นไฮโซ ขับรถหรู แล้วเข้าตีสนิทหลอกเหยื่อให้หลงกลร่วมลงทุนทำธุรกิจ ย้ำตั้งรางวัลนำจับ 3 แสนบาท กับผู้แจ้งเบาะแส
วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายปรินทร์ ศรวณียารักษ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/120 หมู่ 13 แขวงและเขตหนองแขม อาชีพนักธุรกิจส่วนตัว เดินทางเข้าพบ นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยแพร่ภาพ นายสวภัทร หรือ สมสกุล ควรแสวง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274 หมู่ 3 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 662/2551 ลงวันที่ 19 มี.ค.51 ในข้อหาออกเช็กเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ตามเช็คนั้น ,ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คนั้น และธนาคาราปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หลังก่อเหตุหลอกลวงบรรดานักธุรกิจจำนวนหลายรายสูญเงินไปกว่า 25 ล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นมีลูกชายนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย
นายปรินทร์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนกับเพื่อนในกลุ่มได้รู้จักคบหากับ นายสวภัทร มาได้ประมาณ 7 ปีแล้ว จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน นายสวภัทร ได้มาชักชวนให้เพื่อนในกลุ่มร่วมกันลงทุนทำธุรกิจเต็นท์รถ โดยมีการร่วมลงขันกันเป็นจำนวนเงินประมาณ 6 ล้านบาท เป็นส่วนของตนประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งภายหลังพวกตนทั้งกลุ่มตัดสินใจยกเลิกไม่ทำธุรกิจดังกล่าวแล้ว จึงเตรียมแบ่งเงินคืนทุกคนไป แต่ปรากฏว่า นายสวภัทร กลับเชิดเงินไปเพียงคนเดียว จากนั้นตนกับเพื่อนในกลุ่มก็พยายามทวงเงินคืนมาตลอด แต่ นายสวภัทร พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยอ้างว่าบัญชีถูกอายัดบ้าง หรือจะนำเงินมาคืนให้ภายหลังบ้าง แต่ตนสามารถทวงคืนมาได้ส่วนหนึ่ง เหลืออีก 1.3 ล้านบาท ที่ยังไม่ยอมใช้คืน จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นายสวภัทร กลับหายตัวไปไม่สามารถติดตามตัวได้เลย
นายปรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนได้พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่ม รวมทั้งคนรู้จักที่ทำธุรกิจอื่นๆ อีกหลายคนจนทราบว่า ยังมีเหยื่อที่ถูกนายสวภัทรหลอกลวงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีลูกชายนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินสด รถเก๋ง ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 25 ล้านบาท อย่างเช่น เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายสวภัทร ไปขอยืมรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ ป้ายแดง จากเพื่อนคนหนึ่ง ที่กำลังจะไปเมืองนอก โดยอ้างว่า รถเสีย แต่เมื่อเพื่อนคนดังกล่าวเดินทางกลับมา ก็ปรากฏว่า ถูกนายสวภัทร เชิดรถไปจำนำแล้ว อีกรายเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ที่ นายสวภัทร ไปขอเช่าอยู่ ซึ่งช่วงแรกก็จ่ายเงินตามปกติ แต่ภายหลังบอกว่าจะขอซื้อขาดเลย แต่ยังไม่มีเงินจ่ายให้ พร้อมยืมเงินไปทำธุรกิจอีก จากนั้นก็เชิดเงินไปเลย
“เท่าที่สอบถามจากเหยื่อคนอื่นๆ พฤติกรรมของเขามักจะแต่งตัวดีๆ ขับรถหรูๆ เพื่อให้เหยื่อคิดว่าเป็นพวกไฮโซ มีเงินเยอะ จากนั้นก็เข้าไปทำทีตีสนิท แล้วหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ ก่อนจะเชิดเงินไป อย่างไรก็ตาม ผมได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง จนขณะนี้ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับได้แล้ว 2 หมายจับ และคาดว่า จะเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และหากใครพบเห็น หรือกำลังถูก นายสวภัทร หลอกให้ร่วมทำธุรกิจในขณะนี้ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที” นายปรินทร์ กล่าว
ด้าน นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะนำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มอบให้ทางศูนย์สืบสวน บช.น.ช่วยติดตามจับกุมตัวอีกทางหนึ่ง และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบด้วยว่า หาก นายสวภัทร เข้าไปหลอกชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ทันที โดยกลุ่มผู้เสียหายมีรางวัลนำจับให้ 300,000 บาท
วันนี้ (13 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.30 น.ที่สมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายปรินทร์ ศรวณียารักษ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46/120 หมู่ 13 แขวงและเขตหนองแขม อาชีพนักธุรกิจส่วนตัว เดินทางเข้าพบ นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ช่วยแพร่ภาพ นายสวภัทร หรือ สมสกุล ควรแสวง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 274 หมู่ 3 ต.เหมือง อ.เมือง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ เลขที่ 662/2551 ลงวันที่ 19 มี.ค.51 ในข้อหาออกเช็กเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้ตามเช็คนั้น ,ให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะออกเช็คนั้น และธนาคาราปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หลังก่อเหตุหลอกลวงบรรดานักธุรกิจจำนวนหลายรายสูญเงินไปกว่า 25 ล้านบาท โดยหนึ่งในนั้นมีลูกชายนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย
นายปรินทร์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ตนกับเพื่อนในกลุ่มได้รู้จักคบหากับ นายสวภัทร มาได้ประมาณ 7 ปีแล้ว จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน นายสวภัทร ได้มาชักชวนให้เพื่อนในกลุ่มร่วมกันลงทุนทำธุรกิจเต็นท์รถ โดยมีการร่วมลงขันกันเป็นจำนวนเงินประมาณ 6 ล้านบาท เป็นส่วนของตนประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งภายหลังพวกตนทั้งกลุ่มตัดสินใจยกเลิกไม่ทำธุรกิจดังกล่าวแล้ว จึงเตรียมแบ่งเงินคืนทุกคนไป แต่ปรากฏว่า นายสวภัทร กลับเชิดเงินไปเพียงคนเดียว จากนั้นตนกับเพื่อนในกลุ่มก็พยายามทวงเงินคืนมาตลอด แต่ นายสวภัทร พยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด โดยอ้างว่าบัญชีถูกอายัดบ้าง หรือจะนำเงินมาคืนให้ภายหลังบ้าง แต่ตนสามารถทวงคืนมาได้ส่วนหนึ่ง เหลืออีก 1.3 ล้านบาท ที่ยังไม่ยอมใช้คืน จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นายสวภัทร กลับหายตัวไปไม่สามารถติดตามตัวได้เลย
นายปรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ตนได้พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่ม รวมทั้งคนรู้จักที่ทำธุรกิจอื่นๆ อีกหลายคนจนทราบว่า ยังมีเหยื่อที่ถูกนายสวภัทรหลอกลวงอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีลูกชายนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินสด รถเก๋ง ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์อื่นๆ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 25 ล้านบาท อย่างเช่น เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายสวภัทร ไปขอยืมรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ ป้ายแดง จากเพื่อนคนหนึ่ง ที่กำลังจะไปเมืองนอก โดยอ้างว่า รถเสีย แต่เมื่อเพื่อนคนดังกล่าวเดินทางกลับมา ก็ปรากฏว่า ถูกนายสวภัทร เชิดรถไปจำนำแล้ว อีกรายเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ที่ นายสวภัทร ไปขอเช่าอยู่ ซึ่งช่วงแรกก็จ่ายเงินตามปกติ แต่ภายหลังบอกว่าจะขอซื้อขาดเลย แต่ยังไม่มีเงินจ่ายให้ พร้อมยืมเงินไปทำธุรกิจอีก จากนั้นก็เชิดเงินไปเลย
“เท่าที่สอบถามจากเหยื่อคนอื่นๆ พฤติกรรมของเขามักจะแต่งตัวดีๆ ขับรถหรูๆ เพื่อให้เหยื่อคิดว่าเป็นพวกไฮโซ มีเงินเยอะ จากนั้นก็เข้าไปทำทีตีสนิท แล้วหลอกให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ ก่อนจะเชิดเงินไป อย่างไรก็ตาม ผมได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง จนขณะนี้ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับได้แล้ว 2 หมายจับ และคาดว่า จะเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และหากใครพบเห็น หรือกำลังถูก นายสวภัทร หลอกให้ร่วมทำธุรกิจในขณะนี้ก็ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที” นายปรินทร์ กล่าว
ด้าน นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จะนำข้อมูลหลักฐานต่างๆ มอบให้ทางศูนย์สืบสวน บช.น.ช่วยติดตามจับกุมตัวอีกทางหนึ่ง และขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบด้วยว่า หาก นายสวภัทร เข้าไปหลอกชวนให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจ ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ทันที โดยกลุ่มผู้เสียหายมีรางวัลนำจับให้ 300,000 บาท