ปชช.ลงนามค้านเขาพระวิหารต่อเนื่อง สถาบันไทยคดีฯ เปิดโต๊ะลงนามค้านรัฐยกเขาพระวิหารให้เขมร แม้จะอยู่ชั้น 9 อาคารอเนกประสงค์ก็ยังมีคนเดินทางทยอยลงนามต่อเนื่อง ด้านสถาบันกำลังเดินเรื่องขยับขยายขอใช้พื้นที่เปิดโต๊ะลงนามอีกจุดที่กลางลานโพธิ์
วันนี้ (25 มิ.ย.) ณ สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการเปิดโต๊ะลงนามคัดค้านการลงนามสนับสนุนกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารของรัฐบาลไทย โดยมีประชาชนที่ทราบข่าวเดินทางมาลงนามอย่างต่อเนื่อง
แพทย์หญิงอดีตแพทย์ศิริราชวัย 74 ปี (เจ้าตัวขอสงวนนาม) ที่เดินทางมาลงนามเปิดเผยว่า วันนี้ออกจากบ้านที่จังหวัดชลบุรีตั้งแต่ตี 4 เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อลงนามคัดค้านรัฐบาลโดยเฉพาะ พร้อมทั้งแสดงทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องรักษาและปกป้องสมบัติชาติ การที่รัฐบาลชุดนี้ทำเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง
“แผ่นดินของเราเราต้องดูแล ทนไม่ได้กับรัฐบาลนี้ ทนไม่ได้แทบทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ โดยเฉพาะเรื่องเขาพระวิหารเป็นเรื่องที่แย่มาก เราจำเป็นต้องประท้วงต่อไป เพื่อขับไล่รัฐบาลและเอาสมบัติชาติคืนมา ทางจังหวัดชลบุรีดูเอเอสทีวีกันมาก มีรถออกทุกคืน เขามาร่วมชุมนุมกัน ป้าเองก็มาบ่อย เราโดนตัดสัญญาณ แต่ไม่ต้องห่วง คนชลบุรีเข้มแข็ง ต้องทำเพื่อชาติ ชาติเราต้องได้รับการแก้ไขหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการศึกษาและศีลธรรม แต่ที่ผ่านมารัฐบาลชุดนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร แถมสร้างปัญหาอีก ดังนั้นเราต้องเอาออกไปให้ได้”
ในขณะที่ อ.อุฤทธิ์ บุนนาค อ.พิเศษวิชาปัญหาสังคมและอาชญวิทยา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หนึ่งในผู้ที่เดินทางมาลงนาม เปิดเผยว่า เป็นหนึ่งในผู้ที่เสียเงิน 1 บาทเป็นค่าทนายกรณีเขาพระวิหารเมื่อ พ.ศ.2505
“ตอนนี้ผมก็อยู่ด้วย จ่ายเงิน 1 บาทด้วยเหมือนกัน ทราบเรื่องนี้ดี เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากสำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จริงๆ แล้วผู้ที่จะมาบริหารบ้านเมือง ต้องละเอียดรอบคอบ เพราะมันหมายถึงประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเฉพาะเรื่องที่ดิน ขนาดพี่น้องกันมีกรณีพิพาทเรื่องที่ดินแค่ฟุตเดียวยังฆ่ากันตาย ไทยกับเขมรความสัมพันธ์ก็ดี ไม่น่าจะมามีปัญหาอันเกิดจากความไม่รอบคอบของผู้บริหาร”
อ.พิเศษ ม.มหาจุฬาฯ กล่าวต่อไปอีกว่า ในฐานะคนไทยก็ย่อมหวงแหนแผ่นดินเกิด อยากวอนให้รัฐบาลใส่ใจและละเอียดรอบคอบกับเรื่องนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เพราะรัฐบาลขาดจิตสำนึก และฝากถึงห้าแกนนำพันธมิตรฯ รวมถึงนายสุริยะใส กตะศิลา ว่าขอให้ระมัดระวังรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี พร้อมทั้งส่งกำลังใจมาให้ด้วย
ด้าน อ.ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อย่าง “อ.บุญจิรา ถึงสุข” ได้กล่าวภายหลังลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารว่า เชื่อว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีอิสระมากพอที่จะให้ข้าราชการ คณาจารย์ ตลอดจนบุคลากรสามารถแสดงความคิดเห็นตามสิทธิของตนเองได้ ดังนั้นข้อซักถามถึงความกังวลในการแสดงออกเช่นนี้จึงตอบได้ว่าไม่มีความกังวลแต่อย่างใด
“ครูสอนลูกศิษย์มาตลอดว่าขอให้ยืนในสิ่งที่เชื่อ และเชื่ออย่างมีสติ เชื่ออย่างที่เรากลั่นกรอง ฟังความทั้งสองข้างมาแล้ว ตอนนี้ไม่ได้เลือกว่าอยู่ฝ่ายไหน แต่มันก็เหมือนมังคุดที่เราต้องปอกเปลือก กลั่นกรองก่อนชั้นหนึ่งก่อนจะกินเนื้อมังคุดเข้าไป ในฐานะคนไทยที่เคยเดินขบวนสมัย 2505 ด้วยนั้น หากเขาพระวิหารต้องหลุดไปคราวนี้จริงๆ คงต้องบอกว่า ไม่ใช่เพียงแต่เสียใจ แต่มันคือความเสียดาย ที่เราไม่น่าผิดพลาด และหากเป็นเช่นนั้นจริง รัฐบาลเองก็ควรจะเสียใจ เสียดาย ในสิ่งที่รัฐบาลไม่ได้รับฟังเสียงของประชาชนในครั้งนั้น” อาจารย์มธ.ทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีเสียงติติงจากผู้ที่มาลงนามว่า จุดที่เปิดให้ลงนามในชั้น 9 สถาบันไทยคดี ตึกเอนกประสงค์นั้น ค่อนข้างหายากและคับแคบ ขณะนี้ทางสถาบันฯ กำลังดำเนินเรื่องขอใช้สถานที่ตั้งโต๊ะกลางลานโพธิ์อีก 1 จุด เพื่อความสะดวกของผู้ที่มาลงนาม โดยความคืบหน้าจะรายงานต่อไป
