สพฐ.เผยทดลองประเมินภายในโรงเรียน 591 โรง ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 แถมมีบางแห่งผ่านระดับดีมาก สำหรับโรงเรียนที่ไม่ผ่านการประเมินรอบ 2 สพฐ.มีแผนนำร่อง 200 โรง เพื่อยกระดับตัวเอง และทุ่มงบ 100 ล้านพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็ก 800 โรงให้มีคุณภาพ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า สืบเนื่องจากโรงเรียน 591 แห่งไม่ผ่านการประเมินรอบแรก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เมื่อโรงเรียนปรับปรุงแล้ว ทาง สพฐ.มาประเมินภายในโดยใช้เกณฑ์การประเมินเดียวกันกับ สมศ. ปรากฏว่า มีโรงเรียนที่สามารถพัฒนาตัวเองในระดับดีขึ้นจนกระทั่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 และในจำนวนนี่ยังผ่านเกณฑ์ระดับดีมากด้วย
ในส่วนผลการประเมินรอบ 2 สมศ.ได้ทำการประเมินโรงเรียน 14,127 โรง พบว่ามีโรงเรียนที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน จำนวน 3,475 โรง จึงมีแผนคัดเลือกโรงเรียน 200 โรงมาเป็นนำร่องเพื่อยกระดับตัวเอง โดยจะทำแผนพัฒนาและส่งให้ สมศ.พิจารณาภายใน 1 ปี ด้วยเหตุนี้ สพฐ.จึงมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่ สพท.เร่งรัดให้ทั้ง 200 โรงที่ได้รับการคัดเลือกจัดทำแผนพัฒนาตามเวลาที่ สมศ.กำหนด
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้เริ่มดำเนินการพัฒนาต้นแบบโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 800 โรง ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เบื้องต้นจะเร่งพัฒนาครูและผู้บริหารเพื่อทำการเรียนการสอนแบบคละชั้น ขณะเดียวกันได้เตรียมงบประมาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ ประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยจะจ้างนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือ (ปวส.) มาช่วยอาจารย์ทำงานด้านธุรการ เพื่อภาระครู ให้ครูมีเวลาสอนได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังได้กันงบจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าตอบแทนหน่วยงานที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก อย่างเช่น เชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า สืบเนื่องจากโรงเรียน 591 แห่งไม่ผ่านการประเมินรอบแรก สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เมื่อโรงเรียนปรับปรุงแล้ว ทาง สพฐ.มาประเมินภายในโดยใช้เกณฑ์การประเมินเดียวกันกับ สมศ. ปรากฏว่า มีโรงเรียนที่สามารถพัฒนาตัวเองในระดับดีขึ้นจนกระทั่งผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 และในจำนวนนี่ยังผ่านเกณฑ์ระดับดีมากด้วย
ในส่วนผลการประเมินรอบ 2 สมศ.ได้ทำการประเมินโรงเรียน 14,127 โรง พบว่ามีโรงเรียนที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน จำนวน 3,475 โรง จึงมีแผนคัดเลือกโรงเรียน 200 โรงมาเป็นนำร่องเพื่อยกระดับตัวเอง โดยจะทำแผนพัฒนาและส่งให้ สมศ.พิจารณาภายใน 1 ปี ด้วยเหตุนี้ สพฐ.จึงมอบหมายให้สำนักงานเขตพื้นที่ สพท.เร่งรัดให้ทั้ง 200 โรงที่ได้รับการคัดเลือกจัดทำแผนพัฒนาตามเวลาที่ สมศ.กำหนด
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้เริ่มดำเนินการพัฒนาต้นแบบโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 800 โรง ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เบื้องต้นจะเร่งพัฒนาครูและผู้บริหารเพื่อทำการเรียนการสอนแบบคละชั้น ขณะเดียวกันได้เตรียมงบประมาณเพื่อใช้ในการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์ ประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยจะจ้างนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงหรือ (ปวส.) มาช่วยอาจารย์ทำงานด้านธุรการ เพื่อภาระครู ให้ครูมีเวลาสอนได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังได้กันงบจำนวนหนึ่งไว้เป็นค่าตอบแทนหน่วยงานที่เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็ก อย่างเช่น เชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาโรงเรียน เป็นต้น
