เผยผลประเมินการโรงเรียนรอบ 2 เผย “ร.ร.ปฐมวัย” มีคุณภาพดี 54.73% จากจำนวน 1.3 หมื่นโรง แถมส่วนมากเป็นโรงเรียนเอกชนขนาดใหญ่ และตั้งอยู่ในเมือง ขณะที่ “ขั้นพื้นฐาน” มีคุณภาพดีไม่ถึงครึ่ง ซ้ำร้ายคุณภาพลดลงจากรอบแรก สมศ.สรุปภาพรวมแค่พอใช้ เตรียมเผยแพร่รายชื่อโรงเรียนผ่านเว็บและผ่านสื่อ และให้เวลา 3 เดือน ในการปรับปรุง
นายสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบ 2 โดยเป็นการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ.2549-2550 ทั้งการจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำและสถานศึกษาที่มีคุณภาพระดับดี พบว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาปฐมวัย จำนวน 13,356 แห่ง มีสถานศึกษาที่ได้มาตรฐานต่ำคิดเป็นร้อยละ 81.39 ในจำนวนดังกล่าวมีสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีเพียงร้อยละ 54.73 เมื่อนำผลการประเมินมาเปรียบเทียบกับรอบแรก ซึ่งมีสถานศึกษาคุณภาพดีร้อยละ 52.08 ส่วนมากเป็นสถานศึกษาเอกชน ขนาดใหญ่ขึ้นไปและตั้งอยู่ในเมือง นั่นหมายความว่าคุณภาพการศึกษาดีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ส่วนสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15,097 แห่ง มีสถานศึกษาที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ คิดเป็นร้อยละ 76.51 แต่มีสถานศึกษา ซึ่งมีคุณภาพดีเพียงร้อยละ 49.49 ซึ่งผลการประเมินในรอบแรกมีสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีถึงร้อยละ 52.45 จะเห็นได้ว่า คุณภาพของสถานศึกษาในระดับดีลดลง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่า คุณภาพที่จัดการศึกษาปฐมวัย และจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาพรวมอยู่ในระดับพอใช้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.21 และ 3.23 นอกจากนี้ พบว่า สถานศึกษามีคุณภาพดีลดลงกว่าผลการประเมินรอบแรก ทั้งนี้ ยังพบว่า มีความแตกต่างของคุณภาพสถานศึกษา คือ สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเมือง มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าที่ตั้งอยู่นอกเมือง สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ภาคกลาง มีคุณภาพสูงกว่าภาคอื่นๆ และสถานศึกษาขนาดเล็กมีคุณภาพต่ำกว่าสถานศึกษา ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดใหญ่พิเศษ
นายสมหวัง กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เสนอให้นำรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับการประเมินทั้งที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ และสถานศึกษาที่มีคุณภาพระดับดี ขึ้นเว็บไซต์ของ สมศ.และผ่านสื่อ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 7 พันกว่าโรง ในรอบ 2 โดยไม่ได้มองว่าเป็นการเป็นการประจาน เพราะการทำงานของ สมศ.จะต้องเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้สาธารณชนรับทราบ และที่สำคัญการประเมินของ สมศ.เพื่อให้โรงเรียนปรับคุณภาพให้ดีขึ้นไม่ได้ประเมินเพื่อจัดลำดับ
ส่วนโรงเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน สมศ.จะแจ้งต้นสังกัด และ ร.ร.ให้รับทราบ ว่า ไม่ผ่านการประเมินเพราะอะไรบ้าง พร้อมให้คำแนะนำเพื่อที่โรงเรียนจะได้นำไปปรับปรุง โดยโรงเรียนจะต้องทำแผนพัฒนาตามที่ สมศ.เสนอแนะไปด้วย ขณะเดียวกัน ให้แจ้งผลการดำเนินงานมายังต้นสังกัด และ สมศ.เพื่อรับทราบภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ เมื่อแผนการปรับปรุงผ่านไปครบ 1 ปี โรงเรียนจะต้องประเมินภายใน ซึ่งเป็นการประเมินตามปกติ หากพบว่าการดำเนินงานดีขึ้นก็ให้แจ้งมายัง สมศ.เพื่อทำการตรวจสอบ ว่า โรงเรียนดีขึ้นได้มาตรฐานตามที่กำหนดและพิจารณาว่าจะให้ผ่านการประเมินต่อไปหรือไม่
นายสมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลการประเมินคุณภาพภายนอกระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบ 2 โดยเป็นการประเมินปีงบประมาณ พ.ศ.2549-2550 ทั้งการจัดการศึกษาที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำและสถานศึกษาที่มีคุณภาพระดับดี พบว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาปฐมวัย จำนวน 13,356 แห่ง มีสถานศึกษาที่ได้มาตรฐานต่ำคิดเป็นร้อยละ 81.39 ในจำนวนดังกล่าวมีสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีเพียงร้อยละ 54.73 เมื่อนำผลการประเมินมาเปรียบเทียบกับรอบแรก ซึ่งมีสถานศึกษาคุณภาพดีร้อยละ 52.08 ส่วนมากเป็นสถานศึกษาเอกชน ขนาดใหญ่ขึ้นไปและตั้งอยู่ในเมือง นั่นหมายความว่าคุณภาพการศึกษาดีเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ส่วนสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15,097 แห่ง มีสถานศึกษาที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ คิดเป็นร้อยละ 76.51 แต่มีสถานศึกษา ซึ่งมีคุณภาพดีเพียงร้อยละ 49.49 ซึ่งผลการประเมินในรอบแรกมีสถานศึกษาที่มีคุณภาพดีถึงร้อยละ 52.45 จะเห็นได้ว่า คุณภาพของสถานศึกษาในระดับดีลดลง
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่า คุณภาพที่จัดการศึกษาปฐมวัย และจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาพรวมอยู่ในระดับพอใช้ คิดเป็นค่าเฉลี่ย 3.21 และ 3.23 นอกจากนี้ พบว่า สถานศึกษามีคุณภาพดีลดลงกว่าผลการประเมินรอบแรก ทั้งนี้ ยังพบว่า มีความแตกต่างของคุณภาพสถานศึกษา คือ สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในเมือง มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าที่ตั้งอยู่นอกเมือง สถานศึกษาที่ตั้งอยู่ภาคกลาง มีคุณภาพสูงกว่าภาคอื่นๆ และสถานศึกษาขนาดเล็กมีคุณภาพต่ำกว่าสถานศึกษา ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ และขนาดใหญ่พิเศษ
นายสมหวัง กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เสนอให้นำรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับการประเมินทั้งที่ได้มาตรฐานขั้นต่ำ และสถานศึกษาที่มีคุณภาพระดับดี ขึ้นเว็บไซต์ของ สมศ.และผ่านสื่อ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 7 พันกว่าโรง ในรอบ 2 โดยไม่ได้มองว่าเป็นการเป็นการประจาน เพราะการทำงานของ สมศ.จะต้องเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้สาธารณชนรับทราบ และที่สำคัญการประเมินของ สมศ.เพื่อให้โรงเรียนปรับคุณภาพให้ดีขึ้นไม่ได้ประเมินเพื่อจัดลำดับ
ส่วนโรงเรียนที่ไม่ผ่านการประเมิน สมศ.จะแจ้งต้นสังกัด และ ร.ร.ให้รับทราบ ว่า ไม่ผ่านการประเมินเพราะอะไรบ้าง พร้อมให้คำแนะนำเพื่อที่โรงเรียนจะได้นำไปปรับปรุง โดยโรงเรียนจะต้องทำแผนพัฒนาตามที่ สมศ.เสนอแนะไปด้วย ขณะเดียวกัน ให้แจ้งผลการดำเนินงานมายังต้นสังกัด และ สมศ.เพื่อรับทราบภายใน 3 เดือน
ทั้งนี้ เมื่อแผนการปรับปรุงผ่านไปครบ 1 ปี โรงเรียนจะต้องประเมินภายใน ซึ่งเป็นการประเมินตามปกติ หากพบว่าการดำเนินงานดีขึ้นก็ให้แจ้งมายัง สมศ.เพื่อทำการตรวจสอบ ว่า โรงเรียนดีขึ้นได้มาตรฐานตามที่กำหนดและพิจารณาว่าจะให้ผ่านการประเมินต่อไปหรือไม่