อย. สนธิกำลังตำรวจเข้าทะลายแก็งยาปลุกเซ็กซ์ปลอม ยาไม่มีทะเบียน ย่านเยาวราช เผยเจอทั้งแมลงวันสเปน SEX DROP ไวอะกร้าปลอม ได้ของกลาง 14,000 หน่วยมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม.กล่าวระหว่างการแถลงข่าวการจับกุมยากระตุ้นทางเพศปลอม และไม่มีใบอนุญาตว่า สืบเนื่องจากข่าวที่มีผู้นำยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศไปเป็นส่วนผสมในกาแฟ น้ำส้ม และมีผู้นำไปใช้ในการล่วงละเมิดทางเพศแก่สตรี ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายและเป็นภัยต่อสังคม และจากการที่งานสืบสวนปราบปรามกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองกรุงเทพฯ ได้สืบทราบข้อมูลว่า มีคนต่างด้าวสัญชาติจีน กลุ่มหนึ่งลักลอบนำเข้าและจำหน่ายยาสมุนไพร ที่มีการอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถเสริมสมรรถภาพทางเพศและกระตุ้นความต้องการทางเพศ โดยลักลอบจำหน่ายบริเวณถนนเจริญกรุง และเยาวราช
จากการลงพื้นที่สำรวจพบว่า มีการกระทำในลักษณะดังกล่าวจริง และจากการวางแผนเข้าจับกุม พบว่า กลุ่มดังกล่าวเป็นคนต่างด้าวพักอาศัยอยู่ในอาคารไชน่าทาวน์ ซอยมังกร เขตสัมพันธวงศ์ กทม.โดยเช่าห้องพักเลขที่ 613 แต่สินค้าเก็บไว้ในห้องเลขที่ 602 จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญากรุงเทพใต้ และสนธิกำลังเข้าจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จาก บช.ปส.และเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
หลังเข้าตรวจค้นพบ นายจาง ชวนซู อายุ 44 ปี และ นายเจ้า ชวนเสียง อายุ 46 ปี สัญชาติจีน และยังพบยาแผนปัจจุบันและยาเม็ดสมุนไพรจีนต่างๆ ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาจำนวนมาก อาทิ 1.ยาที่มีสรรพคุณในการขยายหลอดเลือด ซึ่งใช้ในการเสริมสมรรถภาพทางเพศชาย เช่น VIAGRA, KRAMAGRA, CAVERTA, LEVITRA20 ฯลฯ 2.ยาเม็ดรูปสี่เหลี่ยมสีฟ้าที่ทำรูปลักษณ์เลียนแบบ VIAGRA โดยมีตัวยาที่ออกฤทธิ์แบบเดียวกัน 3.ยาชนิดเม็ดและชนิดเจล ที่มีรูปภาพ หรือข้อความ ที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถเสริมสมรรถภาพทางเพศชายและหญิง 4.ยาชนิดน้ำที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศหญิง (แมลงวันสเปน) และ SEX DROP ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีกลิ่น สี และมีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ 5.ยาสมุนไพรจีนชนิดเม็ด ที่มีรูปภาพหรือข้อความที่อวดอ้างสรรพคุณเสริมสมรรถภาพทางเพศแก่ชายและหญิง 6.กล่องเปล่าและใบแทรกยายี่ห้อต่างๆ เช่น VIAGRA, KRAMAGRA, CAVERTA, LEVITRA, จำนวนมาก โดยจำนวนของยาประเภทต่างๆ ที่ตรวจพบนั้นมีจำนวน 14,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าในท้องตลาดกว่า 5 ล้านบาท จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทราบในข้อหาร่วมกันขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา อันฝ่าฝืนกฎหมายมาตรา 12 และ 72(4) แห่งพ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510
ด้านนพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ยาที่จับได้นี้ล้วนแล้วแต่เป็นยาที่ไม่ทะเบียนอาหารและยา ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษ หากจะใช้ต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์ และใช้ภายในสถานพยาบาลเท่านั้น ผู้ที่จะใช้ต้องได้รับการตรวจโรคก่อนว่ามีปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศหรือไม่ ซึ่งหากในรายที่เป็นโรคหัวใจ หากใช้ไปก็จะเป็นอันตรายเพราะยาส่วนใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจอย่างรุนแรง โดยจะทำให้หน้ามืด จนถึงช็อกได้
โดยโทษของการมียาที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่ในครอบครองตามมาตรา 12 คือ จำคุก 5 ปี ปรับ 20,000 บาท ในส่วนโทษของการมียาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาตามมาตรา 72(4) คือ จำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และโทษของผู้ที่มียาปลอมไว้ในครอบครอง ตามมาตรา 72(1) คือ จำคุก 1-20 ปี และปรับ 2,000-10,000 บาท
นพ.นรังสันต์ กล่าวอีกว่า หากผู้ที่มีปัญหาด้านสมรรถภาพทางเพศ ที่ต้องการจะใช้ยา ต้องให้แพทย์ตรวจเพื่อการวินิจฉัย และสั่งยาเพื่อรักษา หากมีปัญหาในการใช้ให้ติดต่อแพทย์ และหากพบว่ามีการนำยาดังกล่าวมาวางขายให้แจ้ง สายด่วน อย.1556 ทันที