แพทย์เผยอันตรายจากแมงกะพรุนไฟ ช่วงหน้าร้อนคนนิยมว่ายน้ำทะเล มีโอกาสถูกแมงกะพรุนไฟ เกิดเป็นแผลเรื้อรังและแผลเป็นตลอดชีวิต อาจถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดทำให้เสียชีวิตได้ แนะหน่วยงานท้องถิ่นทำป้ายเตือน
นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์อเมริกันบอร์ดสาข่าโรคผิวหนัง บรรณาธิการตำราโรคผิวหนังในเวชปฏิบัติปัจจุบัน เปิดเผยถึงปัญหาพิษแมงกะพรุนว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยที่โดนแมงกะพรุนยไปจำนวนมาก ซึ่งเมื่อถูกจะทำให้เป็นแผลปวดแสบ ปวดร้อน และเกิดแผลเรื้อรังตามมา ซึ่งแผลที่โดนแมงกะพรุนไฟหายยากมาก บางคนเป็นเรื้อรังกว่า 10 ปี แผลแมงกะพรุนไฟอาจกลายเป็นแผลเป็นคีลอยด์ทำให้เสียโฉม นอกจากนั้น เมื่อโดนแมงกะพรุนบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หมดสติ และทำให้จมน้ำตายได้
เพื่อป้องกันการโดนแมงกะพรุนไฟต้องหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำตามหาดที่มีแมงกะพรุนไฟชุกชุม โดยอาจสอบถามจากชาวบ้านระแวกนั้นก่อน หรือไม่ควรลงเล่นน้ำทะเลหลังช่วงที่มีพายุ ฝนตก หรือช่วงที่มีลมแรง หากต้องการดำน้ำควรสวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด และสวมถุงมือ หน่วยงานท้องถิ่นควรปักป้ายเตือนนักท่องเที่ยว ให้ระวังภัยจากแมงกะพรุน หากไม่แน่ใจควรว่ายน้ำในสระริมทะเลแทนการว่ายน้ำในทะเลโดยตรง หากโดนแมงกะพรุนควรรีบขึ้นจากน้ำ ไม่เคลื่อนไหวส่วนที่ถูกพิษเพราะพิษจะยิ่งกระจาย จากนั้นให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
นพ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการรักษาพิษจากแมงกะพรุนไฟนั้นประกอบด้วยการทำลายกระเปาะพิษ ลดความเจ็บปวด รักษาบาดแผล และลดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ควรล้างแผลด้วยน้ำเกลือเพื่อป้องกันไม่ให้กระเปาะพิษแตก ห้ามใช้น้ำจืดเพราะกระเปาะพิษจะยิ่งแตกออกตามหลักออสโมซิส ทำให้พิษยิ่งลุกลาม อาจล้างประคบด้วยน้ำส้มสายชู 15-30 นาที หรือใช้แอลกอฮอล์ หรือผงเนื้อนุ่ม และไม่ควรใช้น้ำทะเลล้างแผลเพราะอาจติดเชื้อได้ หลังจากนั้นใช้คีมคีบกระเปาะพิษออก ทายาชาลดความเจ็บปวด อาจประคบด้วยความเย็นแต่ห้ามใช้น้ำแข็งประคบเพราะน้ำจืดจะยิ่งทำให้กระเปาะพิษยิ่งแตก แพทย์อาจให้ยาแก้แพ้ และกินยาทาสเตียรอยด์ ฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักและให้ยาปฏิชีวนะถ้ามีอาการของการติดเชื้อ ซึ่งเชื้ออาจเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฝีหนองธรรมดา(staphylococci และ streptococci) หรืออาจเป็นเชื้อรุนแรงบางตัวที่อยู่ในน้ำทะเล (เช่น vibrio vulnificus, vibrio parahaemolycitus,aeromonas hydrophilia) ที่ทำให้เกิดแผลเนื้อเน่าตายอย่างรุนแรงทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสโรหิต และมีอัตราการตายสูงถึงร้อยละ 20-50