“หมอวิชัย” เผยการประกาศเดินหน้าซีแอลยารักษาโรคมะเร็งต่อถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นสัญญาณที่ดี เตรียมเร่งให้ อภ.ดำเนินการจัดหายารักษาโรคมะเร็งทั้ง 4 รายการทันที ด้านรองผู้อำนวยการ อภ.ระบุอยู่ระหว่างการร่างสัญญาลงนามจัดซื้อ โดยจะจัดซื้อล็อตแรก สำหรับผู้ป่วย 1,000 ราย ตั้งงบ 15-16 ล.
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ. ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) กล่าวว่า การประกาศเดินหน้าซีแอลยารักษาโรคมะเร็งต่อถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นสัญญาณที่ดี โดยหลังจากได้รับหนังสือจาก นพ.ไพจิตร์ อย่างเป็นทางการ ตนจะเร่งรัดให้อภ. ดำเนินการจัดหายารักษาโรคมะเร็งทั้ง 4 รายการทันที
ทั้งนี้ คาดว่า อภ.จะสามารถจัดซื้อยาได้เป็นรายการแรก คือ ยารักษายารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซล (Docetaxel) ชื่อการค้า แท็กโซเทียร์ ของบริษัท ซาโนฟี อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด เพราะอภ. ประกาศประกวดราคาและได้บริษัทผู้ผลิตยาแล้ว คือ บริษัท ดาเบอร์ จำกัด ประเทศอินเดีย ได้ทะเบียนตำรับยาจาก อย.เรียบร้อยแล้ว สามารถจัดซื้อได้ทันที โดยจะซื้อได้ในราคา 1,245 บาท ต่อขวด และ ขณะที่ยาสิทธิบัตรมีราคา 25,000 บาท โดยจะจัดซื้อล็อตแรกมาใช้สำหรับผู้ป่วย 1,000 ราย โดยหลังจากเซ็นสัญญาจัดซื้อแล้ว 1 เดือนจะได้รับยา
นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนอีก 3 รายการคือยารักษาโรคมะเร็งปอด ชื่อ เออร์โลทินิบ (Erlotinib) ชื่อการค้า ทราซีว่า ของบริษัท โรช (ประเทศไทย) จำกัด และยารักษามะเร็งเต้านม เล็ทโทรโซล (Letrozole) ชื่อการค้า ฟีมาร่า ของบริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด จะเร่งรัดให้มีการประกาศประกวดราคาทันที ส่วนยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งทางเดินอาหาร ชื่อ อิมาทินิบ (Imatinib) ชื่อการค้ากลีเวคของบริษัท โนวาร์ตีสฯ ไม่ต้องประกวดราคาเพราะเจ้าของสิทธิบัตร ยินดีให้ยาฟรีกับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) ทุกคน ตามโครงการ เข้าถึงยา (GLIVEC INTERNATIONAL PATIENT ASSISTANCE PROGRAM-GIPAP)
ภก.วันชัย ศุภจตุรัส รองผู้อำนวยการอภ. กล่าวว่า ขณะนี้อภ.อยู่ระหว่างการร่างสัญญาลงนามจัดซื้อ โดยจะจัดซื้อล็อตแรก สำหรับผู้ป่วย 1,000 ราย เป็นยาขนาด 80 มิลลิกรัม 6,000 ขวด และขนาด 20 มิลลิกรัมอีก 12,000 ขวด งบประมาณ 15-16 ล้านบาท โดยอภ. จะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่จากอย. อีกครั้งโดยแจ้งให้อภ. เป็นผู้นำเข้า
ขณะที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า แม้จะประกาศเดินหน้าทำซีแอลต่อ แต่คงจะไม่มีผลอะไรกับการล่ารายชื่อถอดถอนนายไชยาออกจากตำแหน่ง เพราะปัญหาในการบรอิการงาน สธ. ไม่ได้อยู่ที่เรื่องซีแอลเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมอีก ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ตามมาตรา266 และ268 ที่รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 9 ลงมา ซึ่งปัยหาที่เกิดขึ้นกลายเป็นประเด็นสาธารณะไปแล้ว
นพเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ชมรมแพทย์ชนบทขอเรียกร้องให้นายไชยา เร่งดำเนินการเพื่อเป็นการกู้สถานการณ์คือ 1.ออกคำสั่งแต่งตั้งให้นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล กลัยมาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาตามเดิม เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า สธ.ตั้งใจจำทำเรื่องซีแอลอย่างจริงจัง 2.ประกาศซีแอลในยารายการอื่น ซึ่งมีการศึกษาแล้วยังมียาอื่นที่จำเป็นอีก โดยเฉพาะยาจิตเวช ซึ่งมีปัญหาราคาแพงเช่นเดียวกับยามะเร็ง จึงเป็นความทุกข์ของผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรได้รับการเยียวยา
“ที่สำคัญต้องไม่เบี่ยงประเด็น ควรหยุดฟังคนประจบสอพลอ เพราะการทำงานของสธ. เป็นเรื่องทางวิชาการ หากรัฐมนตรีไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจตกหลุมพรางที่คนอื่นวางไว้ หากทำตามจะกลายเป็นการปล่อยไก่ได้ เหมือนกับเรื่องเครื่องฉายรังสีรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ที่ในกลุ่มแพทย์ทราบกันดีว่า มะเร็งแต่ละชนิดก็มีผลในทางรักษาแตกต่างกัน เครื่องฉายรังสีก็มีผลรักษาที่ดีกับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น แต่คนพวกนี้พูดไม่หมด พวกเราแพทย์ชนบทหวังดีกับท่านจริงๆ แต่คนที่หวังดีอย่างราก็อาจจะพูดไม่เพราะเสนาะหูได้” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
แกนนำชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา แกนนำชมรมแพทย์ชนบทได้ประชุมหารือกันทันทีที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทเดินทางกลับจากศึกษาดูงานเรื่องแพทย์ประจำครอบครัวที่ประเทศอังกฤษ โดยที่ประชุมมีข้อสรุปยืนยันจะเดินหน้ากระบวนการล่ารายชื่อถอนถอนนายไชยา ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กระบวนการมีความคืบหน้าไปมากแล้วและจึงไม่สามารถหยุดได้ ซึ่งขณะนี้ไม่ได้เป็นปัญหาภายในของสธ. แต่กลายเป็นปัญหาของคนทั้งประเทศไปแล้ว
“ประชาชนทั้งประเทศจะได้ร่วมศึกษาบทเรียนประชาธิปไตยภาคประชาชนโดยตัดสินใจว่าคุณไชยา เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ จะรอดูว่าสิ่งที่คุณไชยาเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีคนเกลียดแค่หลักร้อย แต่รักเป็นหมื่นจะเป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่” แกนนำแพทย์ชนบทกล่าว
แกนนำแพทย์ชนบทรายเดิมกล่าวอีกว่า กรณีที่นายไชยาเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะสั่งปลดปลัด สธ.นั้น หากมีการปลดปลัด สธ.คนปัจจุบันจริงก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาภายใน สธ.ให้ดีขึ้นได้ เพราะปัญหาอยู่ที่นายไชยา ไม่ใช่ปลัด สธ. และหากแต่งตั้งปลัด สธ.คนใหม่ที่มีบุคลิกแข็งกร้าวก็จะยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเปรียบเป็นไฟที่เริ่มจากการกระทำของนายไชยา ที่ได้ทิ้งก้านไม้ขีดไฟเพียงหนึ่งก้านลงบนพรม ทำให้ไฟลามจากพรมไปติดผนังไปลุกลามไปทั่วบ้าน และลามไปจนถึงป่านอกบ้าน เมื่อปัญหาบานปลายคนในบ้านก็ไม่สามารถช่วยดับไฟได้ ต้องให้คนนอกบ้านซึ่งก็คือประชาชนทั่วประเทศมาช่วยดับไฟให้
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) อภ. ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ (ซีแอล) กล่าวว่า การประกาศเดินหน้าซีแอลยารักษาโรคมะเร็งต่อถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นสัญญาณที่ดี โดยหลังจากได้รับหนังสือจาก นพ.ไพจิตร์ อย่างเป็นทางการ ตนจะเร่งรัดให้อภ. ดำเนินการจัดหายารักษาโรคมะเร็งทั้ง 4 รายการทันที
ทั้งนี้ คาดว่า อภ.จะสามารถจัดซื้อยาได้เป็นรายการแรก คือ ยารักษายารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม โดซีแท็กเซล (Docetaxel) ชื่อการค้า แท็กโซเทียร์ ของบริษัท ซาโนฟี อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด เพราะอภ. ประกาศประกวดราคาและได้บริษัทผู้ผลิตยาแล้ว คือ บริษัท ดาเบอร์ จำกัด ประเทศอินเดีย ได้ทะเบียนตำรับยาจาก อย.เรียบร้อยแล้ว สามารถจัดซื้อได้ทันที โดยจะซื้อได้ในราคา 1,245 บาท ต่อขวด และ ขณะที่ยาสิทธิบัตรมีราคา 25,000 บาท โดยจะจัดซื้อล็อตแรกมาใช้สำหรับผู้ป่วย 1,000 ราย โดยหลังจากเซ็นสัญญาจัดซื้อแล้ว 1 เดือนจะได้รับยา
นพ.วิชัย กล่าวว่า ส่วนอีก 3 รายการคือยารักษาโรคมะเร็งปอด ชื่อ เออร์โลทินิบ (Erlotinib) ชื่อการค้า ทราซีว่า ของบริษัท โรช (ประเทศไทย) จำกัด และยารักษามะเร็งเต้านม เล็ทโทรโซล (Letrozole) ชื่อการค้า ฟีมาร่า ของบริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด จะเร่งรัดให้มีการประกาศประกวดราคาทันที ส่วนยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งทางเดินอาหาร ชื่อ อิมาทินิบ (Imatinib) ชื่อการค้ากลีเวคของบริษัท โนวาร์ตีสฯ ไม่ต้องประกวดราคาเพราะเจ้าของสิทธิบัตร ยินดีให้ยาฟรีกับผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง) ทุกคน ตามโครงการ เข้าถึงยา (GLIVEC INTERNATIONAL PATIENT ASSISTANCE PROGRAM-GIPAP)
ภก.วันชัย ศุภจตุรัส รองผู้อำนวยการอภ. กล่าวว่า ขณะนี้อภ.อยู่ระหว่างการร่างสัญญาลงนามจัดซื้อ โดยจะจัดซื้อล็อตแรก สำหรับผู้ป่วย 1,000 ราย เป็นยาขนาด 80 มิลลิกรัม 6,000 ขวด และขนาด 20 มิลลิกรัมอีก 12,000 ขวด งบประมาณ 15-16 ล้านบาท โดยอภ. จะต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่จากอย. อีกครั้งโดยแจ้งให้อภ. เป็นผู้นำเข้า
ขณะที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า แม้จะประกาศเดินหน้าทำซีแอลต่อ แต่คงจะไม่มีผลอะไรกับการล่ารายชื่อถอดถอนนายไชยาออกจากตำแหน่ง เพราะปัญหาในการบรอิการงาน สธ. ไม่ได้อยู่ที่เรื่องซีแอลเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมอีก ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ตามมาตรา266 และ268 ที่รัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 9 ลงมา ซึ่งปัยหาที่เกิดขึ้นกลายเป็นประเด็นสาธารณะไปแล้ว
นพเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ชมรมแพทย์ชนบทขอเรียกร้องให้นายไชยา เร่งดำเนินการเพื่อเป็นการกู้สถานการณ์คือ 1.ออกคำสั่งแต่งตั้งให้นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล กลัยมาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาตามเดิม เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า สธ.ตั้งใจจำทำเรื่องซีแอลอย่างจริงจัง 2.ประกาศซีแอลในยารายการอื่น ซึ่งมีการศึกษาแล้วยังมียาอื่นที่จำเป็นอีก โดยเฉพาะยาจิตเวช ซึ่งมีปัญหาราคาแพงเช่นเดียวกับยามะเร็ง จึงเป็นความทุกข์ของผู้ป่วยอีกกลุ่มหนึ่งที่ควรได้รับการเยียวยา
“ที่สำคัญต้องไม่เบี่ยงประเด็น ควรหยุดฟังคนประจบสอพลอ เพราะการทำงานของสธ. เป็นเรื่องทางวิชาการ หากรัฐมนตรีไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจตกหลุมพรางที่คนอื่นวางไว้ หากทำตามจะกลายเป็นการปล่อยไก่ได้ เหมือนกับเรื่องเครื่องฉายรังสีรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ที่ในกลุ่มแพทย์ทราบกันดีว่า มะเร็งแต่ละชนิดก็มีผลในทางรักษาแตกต่างกัน เครื่องฉายรังสีก็มีผลรักษาที่ดีกับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น แต่คนพวกนี้พูดไม่หมด พวกเราแพทย์ชนบทหวังดีกับท่านจริงๆ แต่คนที่หวังดีอย่างราก็อาจจะพูดไม่เพราะเสนาะหูได้” นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
แกนนำชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา แกนนำชมรมแพทย์ชนบทได้ประชุมหารือกันทันทีที่นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทเดินทางกลับจากศึกษาดูงานเรื่องแพทย์ประจำครอบครัวที่ประเทศอังกฤษ โดยที่ประชุมมีข้อสรุปยืนยันจะเดินหน้ากระบวนการล่ารายชื่อถอนถอนนายไชยา ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กระบวนการมีความคืบหน้าไปมากแล้วและจึงไม่สามารถหยุดได้ ซึ่งขณะนี้ไม่ได้เป็นปัญหาภายในของสธ. แต่กลายเป็นปัญหาของคนทั้งประเทศไปแล้ว
“ประชาชนทั้งประเทศจะได้ร่วมศึกษาบทเรียนประชาธิปไตยภาคประชาชนโดยตัดสินใจว่าคุณไชยา เหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ จะรอดูว่าสิ่งที่คุณไชยาเคยให้สัมภาษณ์ว่ามีคนเกลียดแค่หลักร้อย แต่รักเป็นหมื่นจะเป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่” แกนนำแพทย์ชนบทกล่าว
แกนนำแพทย์ชนบทรายเดิมกล่าวอีกว่า กรณีที่นายไชยาเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะสั่งปลดปลัด สธ.นั้น หากมีการปลดปลัด สธ.คนปัจจุบันจริงก็ไม่ช่วยแก้ปัญหาภายใน สธ.ให้ดีขึ้นได้ เพราะปัญหาอยู่ที่นายไชยา ไม่ใช่ปลัด สธ. และหากแต่งตั้งปลัด สธ.คนใหม่ที่มีบุคลิกแข็งกร้าวก็จะยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นเปรียบเป็นไฟที่เริ่มจากการกระทำของนายไชยา ที่ได้ทิ้งก้านไม้ขีดไฟเพียงหนึ่งก้านลงบนพรม ทำให้ไฟลามจากพรมไปติดผนังไปลุกลามไปทั่วบ้าน และลามไปจนถึงป่านอกบ้าน เมื่อปัญหาบานปลายคนในบ้านก็ไม่สามารถช่วยดับไฟได้ ต้องให้คนนอกบ้านซึ่งก็คือประชาชนทั่วประเทศมาช่วยดับไฟให้
