นครสวรรค์ – “ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง” ที่แปรสภาพมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างเริ่มขยับ ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์-แฟกซ์ ให้ความรู้ประชาชน ชำแหละนโยบายรัฐบาล พร้อมตั้งฉายา ครม.“หมัก” อย่างแสบๆ คันๆ เป็น “ครม.ทักสินทรเวช (2)”
รายงานข่าวจากจังหวัดนครสวรรค์แจ้งว่า ขณะนี้ “ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง” องค์กรภาคประชาชน ที่แปรสภาพมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือตอนล่าง ที่ครอบคลุมนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย เริ่มกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน เพิ่มอำนาจภาคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
โดยจัดทำจดหมายส่งให้เครือข่าย-ประชาชนทั่วไป ใช้หัวจดหมายข่าวว่า “สังคมคนเบื่อข่าวฟรีทีวี ... ที่นี่น้ำไม่ท่วมทุ่ง ผักบุ้งไม่โหรงเหรง” คัดสาระประเด็นหลัก พื้นที่ปรปักษ์ของคนโลภมาก รับฝาก-ส่งมอบความจริงที่ถูกพราง วิพากษ์ วิจารณ์นโยบาย-การดำเนินงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์-แฟกซ์
ประเด็นแรกที่ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง หยิบยกขึ้นมาจัดทำเผยแพร่คือ “ไชยยา เบรกซีแอลยา ร้อนวิชาเพื่อประเทศชาติ (ใด)”
โดยมีเนื้อหาว่า การทำ ซีแอล คือ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา เพื่อหนทางรักษาที่เลือกได้ ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เคยมีการกำหนดลงนามสัญญาซื้อยากับบริษัทขายยารายใหม่ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายค่ายาแพงมาก เพราะรายเก่า...ผูกขาดการนำเข้ายามาเป็นเวลานาน
จดหมายเผยแพร่จากชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง แจกแจงอีกว่า “ค่ายา” หากการทำซีแอลสำเร็จ จะช่วยผู้ป่วยได้คือ
1.ยารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม (เฉพาะยาฉีด ขนาด 80 ซีซี) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 25,000 บาท/เข็ม ฉีดเดือนละครั้ง หากทำ ซีแอล (ยามะเร็ง) ราคาเหลือ 4,000 บาท/เข็ม ฉีดเดือนละครั้ง
ส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น เป็นการค้ากำไรเกินควร รีดเลือดคนไทยไป 21,000 บาท/เข็ม
2.ยารักษาโรคมะเร็งปอด (เฉพาะยาเม็ด ทานทุกวัน) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 2,750 บาท/เม็ด เดือนละ 82,000 บาท หากทำซีแอล ราคาลดลงเหลือ 730 บาท/เม็ด เดือนละ 21,900 บาท
ส่วนต่างที่คนไทยถูกสูบเลือดไป 2,020 บาท/เม็ด
3.ยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ยาเม็ด ทานทุกวัน) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 3,600 บาท/วัน (ยา 4 เม็ด) หากทำซีแอล จะจ่ายแค่ 200 บาท/วัน (ยา 4 เม็ด) ส่วนต่างราคาที่คนไทยถูกบังคับให้ถูกปล้นไป 3,400 บาท/วัน
ที่ผ่านมา ไทยใช้ความพยายามเจรจาขอลดราคายามาอย่างยาวนานแต่ไม่เป็นผล กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข (ยุครัฐบาลเก่า-ขิงแก่) จึงเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุด คือ ใช้สิทธิ์เลือกหา เลือกซื้อยารักษาโรคที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม “เพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยมากกว่า 40,000 ราย สำคัญกว่าสิทธิบัตรยา”
แต่ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีหน้าที่เพื่อคนไข้ การรักษา แต่กลับเห็นสิ่งอื่นน่าสนใจกว่า เข้ามาว่าการเพื่อหวังอะไร : ทำไมจึงออกคำสั่งหยุดเรื่อง ซีแอลไว้ : ทำไมจึงโยกย้าย นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ออกจากเก้าอี้ เลขา อย.
สมาชิก “ลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง” ถ้าจะรีบใช้สิทธิ “ถอดถอน” คนร้อนวิชาก่อนปรับ ครม.ทักสินทรเวช (2) ให้แจ้งผู้ประสาน 6 จังหวัด คือ กำแพง พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ได้ทันที
พร้อมกันนั้น แกนนำชมรมฯ ยังหยอดมุกตอนท้ายเพื่อให้สมาชิก-คนในเครือข่าย นำไปถกเถียงกันในครอบครัว เพื่อให้เกิดปัญหาใน 4 ประเด็นหลักคือ “ค่ายา-ค่าเหนื่อย-ค่าของคน และคนไร้คุณค่า”
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้แกนนำแต่ละจังหวัดของชมรมกำลังหารือกันเพื่อเข้าร่วมการล่ารายชื่อถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยคาดว่า จะมีข้อสรุปออกมาในเร็ววันนี้
รายงานข่าวจากจังหวัดนครสวรรค์แจ้งว่า ขณะนี้ “ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง” องค์กรภาคประชาชน ที่แปรสภาพมาจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือตอนล่าง ที่ครอบคลุมนครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย เริ่มกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน เพิ่มอำนาจภาคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช
โดยจัดทำจดหมายส่งให้เครือข่าย-ประชาชนทั่วไป ใช้หัวจดหมายข่าวว่า “สังคมคนเบื่อข่าวฟรีทีวี ... ที่นี่น้ำไม่ท่วมทุ่ง ผักบุ้งไม่โหรงเหรง” คัดสาระประเด็นหลัก พื้นที่ปรปักษ์ของคนโลภมาก รับฝาก-ส่งมอบความจริงที่ถูกพราง วิพากษ์ วิจารณ์นโยบาย-การดำเนินงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ผ่านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์-แฟกซ์
ประเด็นแรกที่ชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง หยิบยกขึ้นมาจัดทำเผยแพร่คือ “ไชยยา เบรกซีแอลยา ร้อนวิชาเพื่อประเทศชาติ (ใด)”
โดยมีเนื้อหาว่า การทำ ซีแอล คือ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา เพื่อหนทางรักษาที่เลือกได้ ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยารักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เคยมีการกำหนดลงนามสัญญาซื้อยากับบริษัทขายยารายใหม่ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายค่ายาแพงมาก เพราะรายเก่า...ผูกขาดการนำเข้ายามาเป็นเวลานาน
จดหมายเผยแพร่จากชมรมลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง แจกแจงอีกว่า “ค่ายา” หากการทำซีแอลสำเร็จ จะช่วยผู้ป่วยได้คือ
1.ยารักษาโรคมะเร็งปอดและเต้านม (เฉพาะยาฉีด ขนาด 80 ซีซี) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 25,000 บาท/เข็ม ฉีดเดือนละครั้ง หากทำ ซีแอล (ยามะเร็ง) ราคาเหลือ 4,000 บาท/เข็ม ฉีดเดือนละครั้ง
ส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้น เป็นการค้ากำไรเกินควร รีดเลือดคนไทยไป 21,000 บาท/เข็ม
2.ยารักษาโรคมะเร็งปอด (เฉพาะยาเม็ด ทานทุกวัน) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 2,750 บาท/เม็ด เดือนละ 82,000 บาท หากทำซีแอล ราคาลดลงเหลือ 730 บาท/เม็ด เดือนละ 21,900 บาท
ส่วนต่างที่คนไทยถูกสูบเลือดไป 2,020 บาท/เม็ด
3.ยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ยาเม็ด ทานทุกวัน) แต่เดิมถึงปัจจุบัน ผู้ป่วยจ่ายเงิน 3,600 บาท/วัน (ยา 4 เม็ด) หากทำซีแอล จะจ่ายแค่ 200 บาท/วัน (ยา 4 เม็ด) ส่วนต่างราคาที่คนไทยถูกบังคับให้ถูกปล้นไป 3,400 บาท/วัน
ที่ผ่านมา ไทยใช้ความพยายามเจรจาขอลดราคายามาอย่างยาวนานแต่ไม่เป็นผล กระทั่งกระทรวงสาธารณสุข (ยุครัฐบาลเก่า-ขิงแก่) จึงเลือกใช้วิธีที่ดีที่สุด คือ ใช้สิทธิ์เลือกหา เลือกซื้อยารักษาโรคที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม “เพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งในไทยมากกว่า 40,000 ราย สำคัญกว่าสิทธิบัตรยา”
แต่ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งมีหน้าที่เพื่อคนไข้ การรักษา แต่กลับเห็นสิ่งอื่นน่าสนใจกว่า เข้ามาว่าการเพื่อหวังอะไร : ทำไมจึงออกคำสั่งหยุดเรื่อง ซีแอลไว้ : ทำไมจึงโยกย้าย นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ออกจากเก้าอี้ เลขา อย.
สมาชิก “ลุ่มน้ำเหนือตอนล่าง” ถ้าจะรีบใช้สิทธิ “ถอดถอน” คนร้อนวิชาก่อนปรับ ครม.ทักสินทรเวช (2) ให้แจ้งผู้ประสาน 6 จังหวัด คือ กำแพง พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ได้ทันที
พร้อมกันนั้น แกนนำชมรมฯ ยังหยอดมุกตอนท้ายเพื่อให้สมาชิก-คนในเครือข่าย นำไปถกเถียงกันในครอบครัว เพื่อให้เกิดปัญหาใน 4 ประเด็นหลักคือ “ค่ายา-ค่าเหนื่อย-ค่าของคน และคนไร้คุณค่า”
ทั้งนี้ มีรายงานแจ้งเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้แกนนำแต่ละจังหวัดของชมรมกำลังหารือกันเพื่อเข้าร่วมการล่ารายชื่อถอดถอน นายไชยา สะสมทรัพย์ ออกจากตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยคาดว่า จะมีข้อสรุปออกมาในเร็ววันนี้