ผู้ป่วยมะเร็งใต้วอน“ไชยา”อย่ายกเลิกซีแอล หวั่นได้ยาไร้คุณภาพ

สุราษฎร์ธานี - ผู้ป่วยมะเร็งพื้นที่ภาคใต้ครวญ หากยกเลิก ซีแอลยา เดือดร้อนหนักแน่ หวั่นเข้าไม่ถึงยาดี มีคุณภาพ วอน “ไชยา” พิจารณาใหม่ หวังเห็นใจคนไทยที่ขาดแคลน ด้าน ผอ.ศูนย์มะเร็งสุราษฎร์ฯ เผยสถิติผู้ป่วยมะเร็งพื้นที่ภาคใต้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กรณีนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะพิจารณายกเลิกซีแอลยา ส่งผลให้มีกระแสต่อต้าน และวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นว่า จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าไม่ถึงยา และได้รับการรักษาที่มีคุณภาพเหมือนอย่างที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศูนย์มะเร็งใหญ่ที่สุดของพื้นที่ภาคใต้

จากการสอบถามไปยังผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่ยังไม่รู้ถึงการยกเลิกซีแอลยา ของกระทรวงสาธารณสุข ว่า จะมีผลกระทบต่อตนเองอย่างไรบ้าง และผู้ป่วยบางคนที่ทราบ ต่างก็พากันหวั่นวิตกว่า หากมีการยกเลิกซีแอลยา ตนเองจะได้รับผลกระทบในการเข้าถึงยาที่มีคุณภาพและรักษาที่มีคุณภาพ แม้บางคนจะบอกว่า ยังไม่มีผลกระทบต่อการรักษา เพราะมั่นใจแพทย์เจ้าของไข้ จะให้การรักษา และดูแลตนเป็นอย่างดี ซึ่งการรักษาในปัจจุบันผู้ป่วยต่างใช้สิทธิรักษาฟรี จึงไม่รู้ว่า จะเข้าถึงยาที่รักษาตนเองมีคุณภาพเพียงใด

นางเพ็ญศรี คงแก้ว อายุ 46 ปี ผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมานาน 6 ปี ให้การรักษาที่ศูนย์มะเร็งจังหวัดสุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี โดยใช้เคมีบำบัด กล่าวว่า หากมีการยกเลิกซีแอลยา เชื่อว่า ผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย จะได้รับยา และการรักษาที่ไม่มีคุณภาพ อยากให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาใหม่ เพราะยังมีผู้ป่วยอีกมากที่ต้องเดือดร้อนจากเรื่องนี้

ด้าน น.ส.สุเมตตรา นวลชนะ อายุ 46 ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม รับการรักษามากว่า 1 ปี กล่าวในทำนองเดียวกันว่า เกรงจะไม่รับยาที่มีคุณภาพ หากมีการยกเลิกซีแอลยา ที่สำคัญยารักษามะเร็งแพงมาก เชื่อว่า ผู้ป่วยหลายคน คงจะสู้ไม่ไหวแน่ ๆ เช่นเดียวกับ นางชูศรี นามซั่ว อายุ 50 ปี ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ มานานกว่า 1 ปี ผ่าตัดแล้ว โดยแพทย์จะให้เคมีรักษา แต่ไม่รับ เพราะไม่เชื่อมั่นการรักษาระบบเคมีบำบัด จะไปใช้การแพทย์แผนไทยรักษาตัว

ขณะที่ นายแพทย์สิริศักดิ์ เจนวณิชสถาพร ผู้อำนวยการศูนย์มะเร็งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยในพื้นที่ภาคใต้ หรือที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถิติจากปี 2544-2546 พบว่า ผู้ชายมีอัตราป่วยเป็นโรคมะเร็งสูงสุด อันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งปอด ตามมาด้วย มะเร็งตับ, มะเร็งช่องปาก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งทวารหนัก, มะเร็งเม็ดเลือด และอื่น ๆ

ส่วนผู้หญิงพบสูงสุดเป็นอันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งเต้านม ตามมาด้วย มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งปอด, มะเร็งเม็ดเลือด และอื่น ๆ ส่วนใหญ่พบมากอายุระหว่าง 45-60 ปี ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับ และปอดนั้น จะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 5 ปี ขณะนี้ยังไม่มียาที่รักษาหายขาดได้ส่วนมะเร็งเต้านม หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นก็สามารถรักษาให้หายขาดได้

การรักษาผู้ป่วยสามารถเข้าถึงตัวยาที่มีคุณภาพ เนื่องจากการรักษาผู้ป่วยใช้มาตรฐานเดียวกันกับองค์กรอนามัยโรค ส่วนการรักษาเป็นไปตามระยะของโรค ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแรกจะใช้ยาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นยาที่ไม่มีลิขสิทธิ์

ส่วนการรักษาระยะที่ 2 และที่ 3 ส่วนใหญ่เป็นยาที่มีลิขสิทธิ์ และมีราคาแพง อย่างไรแล้วผู้ป่วยใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็ได้รับการรักษาฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อสถิติการใช้ยาการรักษาขั้นที่ 2 และ 3 มีไม่มากก็จะไม่กระทบต่อผู้ป่วย.