เครือข่ายฯ เดินหน้าถอดถอน “ไชยา” ให้ดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่ www.cl4life.net หรือ www.consumerthai.org ผ่านตู้ ปณ. ให้เหตุผล 4 ข้อ “ไชยา” ไม่มีความเหมาะสมเป็นรมว.สธ. แค่พักเที่ยงชั่วโมงกว่าได้รายชื่อกว่า 200 ด้าน ปลัด สธ.ป้องหากไล่ “ไชยา” ให้ถอดถอนตนเองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 มี.ค.) ที่บริเวณหน้าพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้านหน้าอาคารสำนักงานปลัดกระทรวง ก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายเภสัชกรชนบท เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ประมาณ 50 คน ตั้งเต้นท์ชั่วคราวสำหรับลงรายชื่อผู้ที่ร่วมถอดถอนรัฐมนตรี
สำหรับเอกสารการถอดถอนนายไชยา ด้านหน้าระบุเหตุผลที่ต้องถอดถอนนายไชยา 4 ข้อ และด้านหลังเป็นแบบฟอร์มการลงลายมือชื่อ เพื่อขอให้วุฒิสภาถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ โดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา164 โดยการลงลายมือชื่อให้ประธานวุฒิสภามีมติตามมาตรา 274 ให้ถอดถอนบุคคลตามมาตรา 270 ออกจากตำแหน่งได้ โดยสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ www.cl4life.net หรือ www.consumerthai.org และส่งไปที่ ตู้ ปณ. 119 ปณจ.7 คลองหลวง 12120 สำหรับบรรยากาศแม้จะเป็นไปด้วยความตรึงเครียด แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์โรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวง รับมอบดอกไม้จากกลุ่มวิทยุชุมชน ชมรมคนรู้ใจ จากนั้นนพ.ปราชญ์ได้เดินไปบริเวณสนามหญ้าที่กลุ่มเครือข่ายฯ ที่คัดค้านและล่ารายชื่อถอดถอนนายไชยา ปักหลักอยู่ เพื่อรับมอบเอกสารข้อกล่าวหา และชี้แจงต่อผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ภายหลังการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อของกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง มีประชาชนและข้าราชการเดินทางมาร่วมลงรายชื่อถอดถอนนายไชยาออกจากตำแหน่งกว่า 200 คน แต่ยังไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขจำนวนเท่าใด เนื่องจากส่วนใหญ่แต่งกายในชุดธรรมดา ที่ไม่ใช่ชุดของข้าราชการ ขณะเดียวกันมีประชาชนสนใจบริจาคเงินเพื่อเสียค่าปรับสำหรับการส่งเสียงรบกวนในสถานที่ราชการและสำหรับเป็นกองทุนในการถอดถอนนายไชยาต่อไป โดยมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเบื้องต้นโดยใช้เวลาเพียงไม่นานนักรวมเป็นจำนวนเงิน 4,634.50 บาท
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เป็นผู้แถลงเหตุผล 4 ข้อ ในการถอดถอนรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า การกระทำของนายไชยาเข้าข่ายให้รัฐเสียหายงบประมาณแผ่นดิน โดยเฉพาะการประกาศทบทวนการใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยารักษาโรคมะเร็ง 4 รายการ ทำให้บริษัทยาอ้าง เป็นเหตุว่าประเทศไทยประกาศซีแอลอย่างไม่สมบูรณ์ในกรณียาสลายลิ่มเลือดหัวใจ โคลพิเกรล และกลัวถูกฟ้องร้องทำให้บริษัทคาดิลา ของประเทศอินเดีย ขอปรึกษานักกฎหมายและชะลอการนำเข้ายา 2.1 ล้านเม็ดเป็นเวลา 1 เดือน มีมูลค่าความเสียหายต่อรัฐขั้นต่ำ 248,378,550 บาท ขณะที่มีผู้ป่วยในระบบหลักประกัน 164,500 คน ที่ต้องได้รับยาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ที่ต้องได้รับยา
น.ส.สารี กล่าวต่อว่า การทบทวนการทำซีแอลเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย นอกจากนี้ การออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการ ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการประกาศซีแอล โดยไม่มีมูลความผิดที่ชัดเจน และนายไชยาไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการคุ้มครองประโยชน์ผู้ป่วยและผู้บริโภค แต่กับมีพฤติกรรมเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูประบบสุขภาพ เช่น การควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การทบทวนประกาศฉบับที่ 18 เรื่องกำหนดชื่อหรือประเภทของสถานที่สาธารณะที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ ทั้งนี้ ขอกล่าวหาทั้ง 4 ประการ นับว่า รมว.สาธารณสุข ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง ทั้งในด้านกฎหมาย และจริยธรรม สมควรที่วุฒิสภาจะดำเนินการถอดถอนออกจากตำแหน่ง
ด้าน นพ.ปราชญ์ กล่าวภายหลังว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกการทำซีแอล ทุกรายการ อย่างแน่นอนทั้งนายไชยา ตน และข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า จะยืนข้างประชาชน ให้ได้รับยามีคุณภาพและราคาถูก ส่วนสาเหตุทบทวนเพื่อให้ทำซีแอลเป็นไปอย่างรอบคอบซึ่งขณะนี้ ผลการหารือ คณะทำงาน 3 ฝ่าย มีความคืบหน้าแล้ว 80% คาดว่าพรุ่งนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
“อยากให้เข้าใจผมและท่านรัฐมนตรีด้วย หากจะล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนท่านรัฐมนตรี ก็ขอให้ล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนผมด้วย ขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้นและยังไม่มีความเสียหายใดๆ การสั่งให้ทบทวนก็ทำเพื่อความรอบคอบเท่านั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียงแค่การคาดการณ์เท่านั้น ขอให้ทุกคนทำในสิ่งที่ถูกต้องมีสติ เพราะทุกคนอยู่ในสังคมต้องมีระเบียบให้ยึดถือคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง อย่าทำอะไรโดยใช้กระแสและอย่าเอามาเป็นเงื่อนไขในการล่ารายชื่อ” นพ.ปราชญ์ กล่าว