ม็อบเชียร์ “ไชยา” ร่วมร้อยคนเดินทางมาให้กำลังใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยมาด้วยใจไม่มีใครจ้างมา พร้อมวอนให้โอกาสให้การทำงานก่อนไล่ ระบุการโยกย้ายข้าราชการเป็นเรื่องธรรรมดาที่ต้องการคนรู้ใจมาช่วยทำงาน ขณะที่กลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยฯ ที่จะตั้งโต๊ะไล่เริ่มทยอยเดินทางมาเป็นลำดับ
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่บริเวณหน้าอาคารสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีกลุ่มวิทยุชุมชนรมคนรู้ใจ ศูนย์กลางประชาชนแห่งประเทศไทย ว่า 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งบรรยากาศการชุมนุมเต็มไปด้วยความวุ่นวาย กลุ่มผู้ชุมนุมต่างตะโกนว่า พวกเราไม่มีใครจ้างแต่มาด้วยใจ ขอสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง บางคนนำดอกไม้มาเพื่อเตรียมมอบให้กับนายไชยา โดยนายชูพงษ์ ถี่ถ้วน เลขาธิการศูนย์กลางประชาชนแห่งประเทศไทยและประธานชมรมคนรู้ใจ คลื่นวิทยุชุมชน 87.75 เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้ให้นายไชยา โดยมีนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.เป็นผู้รับแทน เนื่องจากวันนี้นายไชยาไม่ได้เข้ามาทำงานที่กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากติดภารกิจอยู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งภายหลังจากมอบช่อดอกไม้ก็ต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับไป
นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน เลขาธิการศูนย์กลางประชาชนแห่งประเทศไทยและประธานชมรมคนรู้ใจ คลื่นวิทยุชุมชน 87.75 กล่าวว่า รัฐมนตรีเข้ามายังไม่ได้ทำงานอะไร ก็จะลงชื่อถอดถอด เมื่อรัฐบาลที่ผ่านมาโยกย้ายข้าราชการครั้งละ 400-500 คน ไม่เคยมีใครออกมาทำอะไร แต่นี่พยายามสร้างเงื่อนไขว่าข้าราชการถูกรังแก ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดอำนาจอีกครั้ง ดังนั้น พวกเราต้องมาแสดงจุดยืน สนับสนุนผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่มาจากยึดอำนาจ ส่วนเรื่องซีแอลก็ควรให้ประชาชนรู้ข้อมูลทั้งสองด้าน คือ ด้านที่ดีและไม่ดี ไม่ใช่บิดเบือน และให้ประชาชนเป็นผู้ใช้วิจารณญาณตัดสินเอง
นายธนากร ปั้นงาม อายุ 62 ปี ชาวนนทบุรี อาชีพค้าขาย หนึ่งในสมาชิกชมรมคนรู้ใจ กล่าวว่า ตนมาให้กำลังใจรัฐมนตรีไม่ได้มาเป็นตัวก่อกวน แต่มาเพื่อความถูกต้อง รัฐมนตรีท่านมาจากการเลือกตั้ง ตนเป็นประชาชนและเป็นคนเลือกเข้ามา ขอให้ฟังเสียงประชาชนที่เป็นกลาง ปรึกษาประชาชนก่อน ตอนนี้เห็นบ้านเมืองเกิดสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องเดินทางมาให้กำลังใจท่านให้ปฏิบัติงานต่อไป ส่วนการโยกย้ายข้าราชการ เพียง4 คน ของกระทรวงสาธารณสุข ก็เป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องโยกย้ายข้าราชการที่ทำงานด้วยกันได้ แต่กลายเป็นเรื่องเป็นราว
“ทุกคนรู้ว่าไม่ยุติธรรมเลยมากันด้วยใจ เพื่อความถูกต้อง ซึ่งวันนี้พวกเราเดินทางมากันโดยไม่ได้นัดหมายเพียงแต่ทราบข่าวว่าวันนี้จะมีการลงชื่อถอดถอนรัฐมนตรี เพราะลงชื่อไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะแค่ชั่วโมงเดียวผมก็ล่ารายชื่อได้มากกว่า 20,000 รายชื่อแล้ว”นายธนากรกล่าว
นายไกรวัลย์ เกษมศิลป์ สมาชิกวิทยุชุมชนชมรมคนรู้ใจ กล่าวว่า จุดยืนของชมรมคนรู้ใจ คือ การปกป้องนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไม่ว่าจะมาจากพรรคอะไร พรรคพลังประชาชน ชาติไทย ฯลฯ หรือหากวันนี้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล พวกตนก็ต้องออกยื่นอยู่เคียงข้าง แต่หากมาจากการปฏิวัติก็ถือว่าเป็นศัตรูของเราทันที
“วันนี้คงไม่มีการปะทะกัน เพราะคนไทยทุกคนสามารถแสดงออกได้ ดังนั้นเราก็สามารถที่จะแสดงออกได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราสามารถที่จะดูแลกันได้ หากบอกว่าพวกเราที่เคลื่อนไหวถูกจ้างมา พวกที่ถอดถอนก็อาจถูกจ้างมาหรือไม่ ซึ่งกลุ่มชมรมคนรู้ใจมากจากหลายหลายสาขาอาชีพ เช่น ค้าขาย แท็กซี่ สามารถติดตามข่าวสารได้ที่เวปไซต์ www”chupong.com”นายไกรวัลย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับบรรยากาศการตั้งโต๊ะรวบรวมรายชื่อถอดถอดนายไชยาของกลุ่มเครือข่ายผู้ป่วยฯ บริเวณเสาธงกระทรวงสาธารณสุขนั้น ขณะนี้กลุ่มผู้ป่วยและเครือข่ายต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมาเป็นระยะๆ
สำหรับเหตุผลของฝ่ายที่ต้องการจะถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น มี 4 เหตุผลสำคัญคือ 1.กระทำการที่เข้าข่ายให้รัฐเสียหายด้านงบประมาณแผ่นดิน โดยเฉพาะการประกาศทบทวนการใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาต้านโรคมะเร็งที่มีสิทธิบัตร 4 รายการ ทำให้บริษัทยาใช้อ้างเป็นเหตุว่าประเทศไทยใช้สิทธิโดยรัฐยังไม่สมบูรณ์ในกรณียาโคลพิโดเครลในคนไข้โรคหัวใจ (Not Fully Implementcd) และกลัวการถูกฟ้องร้องจากบริษัทยาต้นแบบ ทำให้บริษัทคาดิลาขอปรึกษานักกฎหมายและชะลอการนำเข้ายาจำนวน 2.1 ล้านเม็ด เป็นเวลา 1 เดือน โดยมีมูลค่าความเสียหายต่อรัฐขั้นต่ำประมาณ 248,378,550 ล้านบาท
โดยคำนวณจากอุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดทำให้หัวใจอุดตัน ประมาณ 350 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ถ้าพิจารณาเฉพาะผู้ป่วยในระบบหลักประกันประมาณ 47 ล้านคน จะมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ 164,500 คน และในจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจนี้ ร้อยละ 70 คือจำนวน 115,150 คน จะต้องใช้ยาต่อเนื่องวันละ 1 เม็ด ทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ดังนั้นต้องใช้ยาจำนวน 3,454,500 เม็ด คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐต่ำสุดประมาณ 248,378,550 ล้านบาท (หากคิดราคายาต้นแบบเพียงประมาณ 73 บาท และยาสามัญราคา 1.10 บาท)
2.กระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย โดยประกาศทบทวนนโยบายการใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาต้านโรคมะเร็งที่มีสิทธิบัตร 4 รายการ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 โดยการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนได้รับทราบเป็นการทั่วไป นับเป็นการกระทำการทางการเมืองในการบริหารราชการแผ่นดินก่อนการดำเนินการแถลงนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งเป็นการประกาศนโยบายที่ขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความเป็นธรรมด้านสุขภาพโดยการใช้บัตรประชาชนในการรับบริการสาธารณสุข
3.มีคำสั่งและดำเนินการโยกย้ายข้าราชการที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการดำเนินการใช้สิทธิโดยรัฐโดยไม่มีมูลความผิดใดๆ ที่ชัดเจน และสั่งการด้วยวาจาในการโยกย้ายข้าราชการระดับปฏิบัติงานที่ปฏิบัติราชการโดยชอบ ในการปกป้องความเสียหายของรัฐในครั้งนี้
4.นับตั้งแต่รัฐมนตรีว่าการเข้ารับตำแหน่งยังไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ป่วยและผู้บริโภค แต่กลับดำเนินการที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูประบบสุขภาพและไม่ส่งเสริมสุขภาพในหลายพฤติการณ์ อาทิเช่น การสั่งทบทวนการใช้สิทธิโดยรัฐในยามะเร็ง 4 รายการ การให้สัมภาษณ์ให้สามารถโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสื่อทั่วไป การให้ข่าวว่าจะทบทวนประกาศฉบับที่ 18 เรื่องกำหนอชื่อ หรือประเภทของสถานที่สาธารณะที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ เช่น ในร้านอาหารและสถานประกอบการปรับอากาศ
จากข้อกล่าวหาข้างต้นทั้ง 4 ประการ นับว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่ง ทั้งในดานกฎหมายและจริยธรรม สมควรที่วุฒิสภาจะดำเนินการถอดถอนจากตำแหน่ง วันที่ 6 มีนาคม 2251
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เห็นด้วยกับเคลื่อนไหวโดยใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ด้วยเหตุและผล และถือเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่สะท้อนกลับจากการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมในหลายกระทรวง เพราะแม้รัฐบาลจะมีอำนาจในการปรับโยกแต่ก็ต้องเป็นไปด้วยความชอบธรรม