“ไชยา” เตรียมให้ ปลัด สธ.รักษาการเลขา อย.ช่วงสุญญากาศ หากยื้อให้ “หมอชาตรี” ทำงานต่อไม่ได้ ตั้งข้อสงสัยหมอชาตรีเห็นอะไรที่รับไม่ได้ใน อย.เลยไม่อยากทำงาน ส่วนคุณสมบัติเลขาฯ อย.คนใหม่ ขอใจซื่อ มือสะอาด ตั้งใจทำงาน ไม่เกี่ยวกับซีแอล เตรียมลดอำนาจเลขาธิการ อย.ตั้งบอร์ดบริหารลดการทุจริต ติดสินบน แย้มมีนิติกร อย.ร้องเรียน “หมอศิริวัฒน์” รื้อโยกย้ายไม่เป็นธรรม สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

วันนี้ (4 มี.ค.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการของ นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ และว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ได้ขอลาออกด้วยวาจากับตนเอง เนื่องจากรู้สึกไม่ดีกับการสอบสวนกรณีคอมพิวเตอร์ฉาว 900 ล้านบาท ทั้งนี้ หากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้วอาจเรียกมาคุย เพื่อให้อยู่ช่วยทำงานต่อไป เพราะ นพ.ชาตรี ทำงานเก่ง ว่องไวดี ซึ่งตามระเบียบทางราชการ หนังสือลาออกมีผลภายใน 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม หาก นพ.ชาตรี ไม่ทำงานต่อ อาจจะมอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.รักษาการณ์เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปในช่วงสุญญากาศที่จะสรรหาเลขาธิการ อย.คนใหม่
“ผมได้ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลราชวิถี เมื่อวันที่ 3 มี.ค.กับ นพ.ชาตรี ยังได้พูดคุยกันแต่ไม่มีอะไรหารือเรื่องงานตามปกติ แต่ในช่วงบ่าย นพ.ชาตรี จะขอเข้าพบ จึงนึกว่าจะมาวางแผนหารือเรื่องงาน ซึ่งในช่วงแรก นพ.ชาตรี ยังบอกเลย ว่าจะขอให้รองอธิบดีไปช่วยงาน แต่พอไปอย.คงไปเห็นอะไรที่รับไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไร เพราะมันไม่มีเหตุผลที่อยู่ๆ ก็มาลาออก” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวว่า ผู้ที่จะเป็นเลขาธิการ อย.จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ใจซื่อ มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพราะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ก็ดูแลเรื่องซีแอลต่อ รวมถึงไม่ต้องเป็นลูกหม้อ อย.จะเป็นแพทย์หรือเภสัชกรก็ได้ ขอให้ตั้งใจทำงาน ซึ่งตนจะปรึกษากับปลัด สธ.ในเรื่องนี้ด้วย
ในเบื้องต้นอาจจะแต่งตั้งให้ปลัด สธ.รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการ อย.ชั่วคราวในระหว่างที่ยังมีการสรรหาอยู่ก็ได้
รวมถึงในเร็วๆ นี้ ตนจะสั่งให้มีการลดบทบาทหน้าที่ของเลขาธิการ อย.โดยอาจจะเสนอให้ตั้งคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขึ้นมาดูแล อย.จากเดิมที่เลขาธิการ อย.จะเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใน อย.แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้การบริการงานรวดเร็วยิ่งขึ้น และเป็นกระกระจายอำนาจออกไป เพื่อลดการทุจริตและติดสินบนข้าราชการ อย.ในการดำเนินการต่างๆ
ทั้งนี้ หาก นพ.ศิริวัฒน์ ลาออกจากราชการ ตนเองจะคัดค้านการลาออก เพราะนพ.ศิริวัฒน์เป็นผู้ที่ต้องอนุรักษ์ อยู่ข้างนอกเงินเดือน 1.5 แสนบาท แต่ยอมมาทำงานเงินเดือน 5 หมื่นบาท ถือว่าเป็นคนทุ่มเท ห่วงใยประเทศชาติ และถึงแม้ว่าจะไปทำงานเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงก็ต้องทำงานเชิงรุก เพราะท่านเป็นคนมีไฟ
“ส่วนกระแสข่าวที่เอ็นจีโอต้องการเรียกร้องให้นพ.ศิริวัฒน์กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ อย.นั้น ต้องถามว่า เอ็นจีโอเป็นใคร มีอำนาจอะไรมากมายนัก ขนาดคณะรัฐมนตรียังไม่มีการทบทวนที่จะให้ นพ.ศิริวัฒน์ กลับมา”นายไชยา กล่าว

นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนตนเองในวันที่ 6 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล แต่ต้องดูว่าตามอำนาจหน้าที่เดินทางมาถูกต้องหรือไม่ หากมาในเวลาราชการก็คงต้องไปดูรายละเอียด ซึ่งคนที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบคนกลุ่มนี้ คงไล่มาตั้งแต่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวง
“ไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ทำถูกต้องยุติธรรมทุกอย่างตั้งอยู่บนกฎหมายอำนาจหน้าที่ ไม่กลัวหากจะตั้งโต๊ะขอถอดถอนรายชื่อก็ยินดี รวมถึงการที่ปลัด สธ.เดินทางไปราชการที่ประเทศอังกฤษตามชมรมแพทย์ชนบทที่ไปดูงานก่อนหน้านี้นั้น เพื่อไปพูดจา หรือทำอะไร ผมก็ไม่ได้คิดการณ์ไกลขนาดนั้น คนเรามีหน้าที่รับผิดชอบ แบ่งกรม กองไว้อยู่แล้ว ปลัดหรืออธิบดีไม่รู้หน้าที่ของตนเองก็แย่แล้ว ซึ่งการจะส่งคนไปเบรกไม่ให้ตั้งโต๊ะถอดถอนนั้นก็ไม่ใช่ผม” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวด้วยว่า ส่วนการโยกย้ายปลัดเป็นเรื่องที่ต้องมีเหตุผล แม้ว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนเองสามารถกระทำได้ แต่ขณะนี้ สธ.มีแรงกดดันทุกวัน มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ นพ.ปราชญ์ ก็ขอไปดูงานที่อังกฤษ ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางไปด้วยเรื่องอะไร ท้ายสุดตนเองก็อนุญาต แต่การเดินทางไปอังกฤษต้องขอวีซ่า เท่ากับว่า มีการวางแผนในการเดินทางล่วงหน้าแล้ว ซึ่งหลังจาก นพ.ปราชญ์ ทราบกระแสข่าวว่าจะมีการปลด ได้โทรศัพท์มาสอบถาม ตนเองก็ยืนยันว่าไม่มี มีแต่ปลดจากไทยไปอังกฤษ
นายไชยา กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับนพ.ศิริวัฒน์ จากนิติกรระดับ 9 ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งปลัด สธ.แต่งตั้งนิติกรรายนี้ได้รับตำแหน่งระดับ 9 แต่ นพ.ศิริวัฒน์ ซึ่งเพิ่งจะรับตำแหน่งเป็นเลขาธิการอย.ก็รื้อโผใหม่ นอกจากนี้นิติกรรายดังกล่าวยังได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“ที่บอกเป็นคนดี ถามว่า เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นจะเรียกดีอย่างไร ซึ่งความผิดปกตินี้ ผมอยากจะรู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงอย่างไร โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรม ที่ผ่านมาไม่ได้ถือว่าผมสั่งปลดนพ.ศิริวัฒน์ แต่เรียกว่าเป็นการขยับหน้าที่จะดีกว่า” นายไชยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.นพ.ปราชญ์ เดินทางมาถึงประเทศไทย ได้โทรศัพท์รายงานตัวกับนายไชยา ทันที โดยนายไชยาได้แจ้งเรื่องที่ นพ.ชาตรี ลาออกให้ทราบ
อนึ่ง แพทย์ชนบทได้มีการเตรียมการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ในวันที่ 6 มี.ค.ที่บริเวณลานงู กระทรวงสาธารณสุข
วันนี้ (4 มี.ค.) นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการของ นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมการแพทย์ และว่าที่เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ได้ขอลาออกด้วยวาจากับตนเอง เนื่องจากรู้สึกไม่ดีกับการสอบสวนกรณีคอมพิวเตอร์ฉาว 900 ล้านบาท ทั้งนี้ หากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการแล้วอาจเรียกมาคุย เพื่อให้อยู่ช่วยทำงานต่อไป เพราะ นพ.ชาตรี ทำงานเก่ง ว่องไวดี ซึ่งตามระเบียบทางราชการ หนังสือลาออกมีผลภายใน 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม หาก นพ.ชาตรี ไม่ทำงานต่อ อาจจะมอบหมายให้ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสธ.รักษาการณ์เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไปในช่วงสุญญากาศที่จะสรรหาเลขาธิการ อย.คนใหม่
“ผมได้ไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลราชวิถี เมื่อวันที่ 3 มี.ค.กับ นพ.ชาตรี ยังได้พูดคุยกันแต่ไม่มีอะไรหารือเรื่องงานตามปกติ แต่ในช่วงบ่าย นพ.ชาตรี จะขอเข้าพบ จึงนึกว่าจะมาวางแผนหารือเรื่องงาน ซึ่งในช่วงแรก นพ.ชาตรี ยังบอกเลย ว่าจะขอให้รองอธิบดีไปช่วยงาน แต่พอไปอย.คงไปเห็นอะไรที่รับไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไร เพราะมันไม่มีเหตุผลที่อยู่ๆ ก็มาลาออก” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวว่า ผู้ที่จะเป็นเลขาธิการ อย.จะต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้ใจซื่อ มือสะอาด ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับเรื่องประกาศบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (ซีแอล) เพราะ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ก็ดูแลเรื่องซีแอลต่อ รวมถึงไม่ต้องเป็นลูกหม้อ อย.จะเป็นแพทย์หรือเภสัชกรก็ได้ ขอให้ตั้งใจทำงาน ซึ่งตนจะปรึกษากับปลัด สธ.ในเรื่องนี้ด้วย
ในเบื้องต้นอาจจะแต่งตั้งให้ปลัด สธ.รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการ อย.ชั่วคราวในระหว่างที่ยังมีการสรรหาอยู่ก็ได้
รวมถึงในเร็วๆ นี้ ตนจะสั่งให้มีการลดบทบาทหน้าที่ของเลขาธิการ อย.โดยอาจจะเสนอให้ตั้งคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ขึ้นมาดูแล อย.จากเดิมที่เลขาธิการ อย.จะเป็นผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใน อย.แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้การบริการงานรวดเร็วยิ่งขึ้น และเป็นกระกระจายอำนาจออกไป เพื่อลดการทุจริตและติดสินบนข้าราชการ อย.ในการดำเนินการต่างๆ
ทั้งนี้ หาก นพ.ศิริวัฒน์ ลาออกจากราชการ ตนเองจะคัดค้านการลาออก เพราะนพ.ศิริวัฒน์เป็นผู้ที่ต้องอนุรักษ์ อยู่ข้างนอกเงินเดือน 1.5 แสนบาท แต่ยอมมาทำงานเงินเดือน 5 หมื่นบาท ถือว่าเป็นคนทุ่มเท ห่วงใยประเทศชาติ และถึงแม้ว่าจะไปทำงานเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงก็ต้องทำงานเชิงรุก เพราะท่านเป็นคนมีไฟ
“ส่วนกระแสข่าวที่เอ็นจีโอต้องการเรียกร้องให้นพ.ศิริวัฒน์กลับมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ อย.นั้น ต้องถามว่า เอ็นจีโอเป็นใคร มีอำนาจอะไรมากมายนัก ขนาดคณะรัฐมนตรียังไม่มีการทบทวนที่จะให้ นพ.ศิริวัฒน์ กลับมา”นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนตนเองในวันที่ 6 มี.ค.ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล แต่ต้องดูว่าตามอำนาจหน้าที่เดินทางมาถูกต้องหรือไม่ หากมาในเวลาราชการก็คงต้องไปดูรายละเอียด ซึ่งคนที่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบคนกลุ่มนี้ คงไล่มาตั้งแต่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวง
“ไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ทำถูกต้องยุติธรรมทุกอย่างตั้งอยู่บนกฎหมายอำนาจหน้าที่ ไม่กลัวหากจะตั้งโต๊ะขอถอดถอนรายชื่อก็ยินดี รวมถึงการที่ปลัด สธ.เดินทางไปราชการที่ประเทศอังกฤษตามชมรมแพทย์ชนบทที่ไปดูงานก่อนหน้านี้นั้น เพื่อไปพูดจา หรือทำอะไร ผมก็ไม่ได้คิดการณ์ไกลขนาดนั้น คนเรามีหน้าที่รับผิดชอบ แบ่งกรม กองไว้อยู่แล้ว ปลัดหรืออธิบดีไม่รู้หน้าที่ของตนเองก็แย่แล้ว ซึ่งการจะส่งคนไปเบรกไม่ให้ตั้งโต๊ะถอดถอนนั้นก็ไม่ใช่ผม” นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวด้วยว่า ส่วนการโยกย้ายปลัดเป็นเรื่องที่ต้องมีเหตุผล แม้ว่าจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนเองสามารถกระทำได้ แต่ขณะนี้ สธ.มีแรงกดดันทุกวัน มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ นพ.ปราชญ์ ก็ขอไปดูงานที่อังกฤษ ไม่ได้บอกว่าจะเดินทางไปด้วยเรื่องอะไร ท้ายสุดตนเองก็อนุญาต แต่การเดินทางไปอังกฤษต้องขอวีซ่า เท่ากับว่า มีการวางแผนในการเดินทางล่วงหน้าแล้ว ซึ่งหลังจาก นพ.ปราชญ์ ทราบกระแสข่าวว่าจะมีการปลด ได้โทรศัพท์มาสอบถาม ตนเองก็ยืนยันว่าไม่มี มีแต่ปลดจากไทยไปอังกฤษ
นายไชยา กล่าวอีกว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ตนได้รับหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับนพ.ศิริวัฒน์ จากนิติกรระดับ 9 ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งปลัด สธ.แต่งตั้งนิติกรรายนี้ได้รับตำแหน่งระดับ 9 แต่ นพ.ศิริวัฒน์ ซึ่งเพิ่งจะรับตำแหน่งเป็นเลขาธิการอย.ก็รื้อโผใหม่ นอกจากนี้นิติกรรายดังกล่าวยังได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
“ที่บอกเป็นคนดี ถามว่า เมื่อเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นจะเรียกดีอย่างไร ซึ่งความผิดปกตินี้ ผมอยากจะรู้ว่าเป็นข้อเท็จจริงอย่างไร โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพราะให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรม ที่ผ่านมาไม่ได้ถือว่าผมสั่งปลดนพ.ศิริวัฒน์ แต่เรียกว่าเป็นการขยับหน้าที่จะดีกว่า” นายไชยา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.นพ.ปราชญ์ เดินทางมาถึงประเทศไทย ได้โทรศัพท์รายงานตัวกับนายไชยา ทันที โดยนายไชยาได้แจ้งเรื่องที่ นพ.ชาตรี ลาออกให้ทราบ
อนึ่ง แพทย์ชนบทได้มีการเตรียมการตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถอดถอนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่เวลา 11.00 น.ในวันที่ 6 มี.ค.ที่บริเวณลานงู กระทรวงสาธารณสุข