“สมชาย” เอาใจครู ระบุ ให้ความสำคัญการศึกษา เตรียมของบเพิ่มมาพัฒนาการศึกษา ยันคอมพ์ล้านเครื่องไม่ใช่โครงการประชานิยม หากจัดซื้อจะดำเนินการโปร่งใส เตรียมเพิ่มทุนการศึกษาสานฝันพัฒนาเด็กไทย ด้าน “กษมา” ขานรับนโยบายรัฐบาล ยกระดับการศึกษาทั้งประถม มัธยม อุดม และขยายโรงเรียนในฝันไปยังโรงเรียนประถม มัธยม ในระดับตำบล
วันที่ (3 ก.พ.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในฐานะประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้แก่ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กทม.เขต 1-3 ประมาณ 4,500 คน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญของการศึกษาเป็นอันดับแรก ดูจากงบประมาณที่จัดสรรให้กระทรวงศึกษาจะอยู่ในอันดับหนึ่ง เพียงแต่งบส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนจ่ายให้แก่บุคลากร จึงเหลือเงินมาพัฒนาด้านการศึกษาน้อย อย่างไรก็ดี ตนจะผลักดันงบพัฒนาการศึกษาให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์แก่เด็กและอาจารย์
ทั้งนี้ เมื่อดูข้อมูลผลการประเมินมาตรฐานคุณภาพการศึกษา รู้สึกภาคภูมิใจที่พบว่านักเรียน อาจารย์ กรุงเทพฯ คุณภาพเฉลี่ยสูงกว่าโรงเรียนในชนบทที่อยู่ห่างไกล อาจเป็นเพราะว่า กทม. มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงอยากให้โรงเรียนใน กทม. ช่วยพัฒนาโรงเรียนในชนบท สำหรับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ และคณะกรรมจะนำข้อสรุปมารายงานวันที่ 7 มี.ค.นี้
ส่วนเรื่องแลปท็อปที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นโครงการประชานิยม มีเรื่องค่าคอมมิชชัน ตนขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม ส่วนค่าคอมมิชชันจะดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสยุติธรรม ส่วนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน จะเป็นโครงการที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชน โดยจะพยายามขยายให้มีมากขึ้นรวมถึงเรื่องโครงการทุนการศึกษาสานฝันพัฒนาเด็กไทย ซึ่งจะเป็นบุตรผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งเป็นแนวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแนวคิดเดิมของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการลดช่องว่างคนจนคนรวย จึงจัดโครงการเหล่านี้ขึ้นมา
“อีกเรื่องหนึ่งขอฝากไปถึงโรงเรียนให้ช่วยดูแลสุขภาพจิต และสุขอนามัยของนักเรียน เรื่องสุขภาพจิต อาจารย์ต้องปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้นักเรียนมีสุขภาพจิตดีขึ้น ด้านสุขอนามัย เคยมีการสำรวจพบว่าเด็กมีปัญหาสุขภาพเกิดจากห้องน้ำไม่สะอาด ไม่อยากเข้าห้องน้ำที่โรงเรียนต้องอั้นอึ อั้นฉี่ เพื่อแก้ปัญหานี้ อยากให้โรงเรียนปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาด พร้อมกับเพิ่มชั่วโมงสุขอนามัยสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง”
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาล และแผนการทำงานของ สพฐ.สอดคล้องกัน คือ 1.เรื่องการยกระดับการศึกษาไทยอย่างบูรณาการให้สอดคล้องกับทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา โดย สพฐ.จะเสนอตั้งศูนย์ต้นแบบปฐมวัยตามระบบของเบรนเบรดในทุกอำเภอ โดยตามที่นายสมชาย ให้ขยายโครงการโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 2 เพราะที่ในรุ่นที่ 1 ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรนอกจากเรื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นในแผนนี้ สพฐ.จะพยายามสนับสนุนให้แผนนี้มีคุณภาพมากขึ้น โดยจะให้เป็นโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 2 นั้นเป็นโรงเรียนในฝันระดับอำเภอที่มีคุณภาพ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2551 จะต้องมีร.ร.ในฝันที่มีคุณภาพ ประถมศึกษา 1 โรง มัธยมศึกษา 1 โรง ส่วนในปีการศึกษา 2552 จะขยายโรงเรียนในฝันไปในระดับตำบลและคาดว่าจะมีโรงเรียนในฝันระดับดี มีคุณภาพ ในทุกตำบลและอำเภอในปี 2554 สำหรับงบประมาณที่ต้องสนับสนุนเพิ่มเติม คือ ค่าซ่อมโรงเรียน ห้องสมุด สนามกีฬา โรงอาหาร ฯลฯ รัฐจะช่วยเหลือส่วนหนึ่งและขอความร่วมมือจากภาคเอกชนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยกันพัฒนาโรงเรียนไม่ให้โรงเรียนเป็นหนี้เหมือนที่ผ่านมา
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า จะดูแลเรื่องเครือข่ายอัจฉริยะ ช่วยดูเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เสนอตั้งโรงเรียนเพื่อเด็กออทิสติกโดยเฉพาะและจะมีการดูแลเด็กในวัยเรียนที่ป่วยเรื้อรังอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 4 หมื่นคนด้วย และเร็วๆ นี้ จะจัดประชุมโต๊ะกลมเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียนในช่วงชั้นที 4 ที่กำลังเผชิญอยู่ โดยขณะนี้มีคณะทำงานเพื่อยกร่างพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับม.ปลายขึ้นแล้ว นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้โรงเรียนที่มีความพร้อมจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศที่ 2 นอกเหนือจากภาษาอังกฤษด้วย เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน รัสเซีย เกาหลี เป็นต้น ซึ่งแผนการดำเนินงานดังกล่าว สพฐ.กำลังยกร่างเพื่อเสนอ รมว.ศธ.และรัฐบาลเพื่อผลักดันให้เป็นจัดทำเป็นแผนบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
วันที่ (3 ก.พ.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวในฐานะประธานเปิดการประชุมและมอบนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้แก่ ครู และบุคลากรทางการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กทม.เขต 1-3 ประมาณ 4,500 คน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญของการศึกษาเป็นอันดับแรก ดูจากงบประมาณที่จัดสรรให้กระทรวงศึกษาจะอยู่ในอันดับหนึ่ง เพียงแต่งบส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนจ่ายให้แก่บุคลากร จึงเหลือเงินมาพัฒนาด้านการศึกษาน้อย อย่างไรก็ดี ตนจะผลักดันงบพัฒนาการศึกษาให้มากขึ้น เพื่อประโยชน์แก่เด็กและอาจารย์
ทั้งนี้ เมื่อดูข้อมูลผลการประเมินมาตรฐานคุณภาพการศึกษา รู้สึกภาคภูมิใจที่พบว่านักเรียน อาจารย์ กรุงเทพฯ คุณภาพเฉลี่ยสูงกว่าโรงเรียนในชนบทที่อยู่ห่างไกล อาจเป็นเพราะว่า กทม. มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงอยากให้โรงเรียนใน กทม. ช่วยพัฒนาโรงเรียนในชนบท สำหรับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาข้อดีข้อเสียอย่างรอบคอบ และคณะกรรมจะนำข้อสรุปมารายงานวันที่ 7 มี.ค.นี้
ส่วนเรื่องแลปท็อปที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นโครงการประชานิยม มีเรื่องค่าคอมมิชชัน ตนขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่โครงการประชานิยม ส่วนค่าคอมมิชชันจะดำเนินการให้เกิดความโปร่งใสยุติธรรม ส่วนโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน จะเป็นโครงการที่ทำประโยชน์ให้กับประชาชน โดยจะพยายามขยายให้มีมากขึ้นรวมถึงเรื่องโครงการทุนการศึกษาสานฝันพัฒนาเด็กไทย ซึ่งจะเป็นบุตรผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งเป็นแนวเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแนวคิดเดิมของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการลดช่องว่างคนจนคนรวย จึงจัดโครงการเหล่านี้ขึ้นมา
“อีกเรื่องหนึ่งขอฝากไปถึงโรงเรียนให้ช่วยดูแลสุขภาพจิต และสุขอนามัยของนักเรียน เรื่องสุขภาพจิต อาจารย์ต้องปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนให้นักเรียนมีสุขภาพจิตดีขึ้น ด้านสุขอนามัย เคยมีการสำรวจพบว่าเด็กมีปัญหาสุขภาพเกิดจากห้องน้ำไม่สะอาด ไม่อยากเข้าห้องน้ำที่โรงเรียนต้องอั้นอึ อั้นฉี่ เพื่อแก้ปัญหานี้ อยากให้โรงเรียนปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาด พร้อมกับเพิ่มชั่วโมงสุขอนามัยสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง”
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาล และแผนการทำงานของ สพฐ.สอดคล้องกัน คือ 1.เรื่องการยกระดับการศึกษาไทยอย่างบูรณาการให้สอดคล้องกับทั้งระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา โดย สพฐ.จะเสนอตั้งศูนย์ต้นแบบปฐมวัยตามระบบของเบรนเบรดในทุกอำเภอ โดยตามที่นายสมชาย ให้ขยายโครงการโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 2 เพราะที่ในรุ่นที่ 1 ไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควรนอกจากเรื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นในแผนนี้ สพฐ.จะพยายามสนับสนุนให้แผนนี้มีคุณภาพมากขึ้น โดยจะให้เป็นโรงเรียนในฝัน รุ่นที่ 2 นั้นเป็นโรงเรียนในฝันระดับอำเภอที่มีคุณภาพ โดยกำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2551 จะต้องมีร.ร.ในฝันที่มีคุณภาพ ประถมศึกษา 1 โรง มัธยมศึกษา 1 โรง ส่วนในปีการศึกษา 2552 จะขยายโรงเรียนในฝันไปในระดับตำบลและคาดว่าจะมีโรงเรียนในฝันระดับดี มีคุณภาพ ในทุกตำบลและอำเภอในปี 2554 สำหรับงบประมาณที่ต้องสนับสนุนเพิ่มเติม คือ ค่าซ่อมโรงเรียน ห้องสมุด สนามกีฬา โรงอาหาร ฯลฯ รัฐจะช่วยเหลือส่วนหนึ่งและขอความร่วมมือจากภาคเอกชนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยกันพัฒนาโรงเรียนไม่ให้โรงเรียนเป็นหนี้เหมือนที่ผ่านมา
คุณหญิงกษมา กล่าวต่อว่า จะดูแลเรื่องเครือข่ายอัจฉริยะ ช่วยดูเด็กที่มีความสามารถพิเศษ เสนอตั้งโรงเรียนเพื่อเด็กออทิสติกโดยเฉพาะและจะมีการดูแลเด็กในวัยเรียนที่ป่วยเรื้อรังอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 4 หมื่นคนด้วย และเร็วๆ นี้ จะจัดประชุมโต๊ะกลมเพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาของนักเรียนในช่วงชั้นที 4 ที่กำลังเผชิญอยู่ โดยขณะนี้มีคณะทำงานเพื่อยกร่างพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับม.ปลายขึ้นแล้ว นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้โรงเรียนที่มีความพร้อมจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศที่ 2 นอกเหนือจากภาษาอังกฤษด้วย เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาสเปน รัสเซีย เกาหลี เป็นต้น ซึ่งแผนการดำเนินงานดังกล่าว สพฐ.กำลังยกร่างเพื่อเสนอ รมว.ศธ.และรัฐบาลเพื่อผลักดันให้เป็นจัดทำเป็นแผนบริหารราชการแผ่นดินต่อไป
